Skip to content
  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • Promotions
      โปรโมชั่น
    • Auto Reviews
      รีวิวรถยนต์
    • News & Events
      ข่าวและกิจกรรม
    • K.Motors Privileges
      สิทธิพิเศษ
    • Privacy & Security Policy
      นโยบายความเป็นส่วนตัว
Call Center : 02-662-6555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1//kmotors-guru//2025-12-05//2023//1050 Views1365

+ 2

+ 1

+ 0

  • Facebook iconFacebook
อัพเดท : 1 สิงหาคม 2561

ระวัง!! อันตรายบนท้องถนนที่มาพร้อมกับฝน ฤดูแห่งความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ

ขับขี่ปลอดภัย

เตรียมความพร้อมรถก่อนออกเดินทางวันฝนตก
การขับรถในช่วงฤดูฝนมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัยต่อรถของคุณ ขอแนะนำวิธีการและขั้นตอนในการตรวจสอบรถยนต์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าฝนดังนี้ครับ

1. ตรวจสอบทัศนวิสัยในการขับขี่ ว่ากระจกหน้าของรถมีการทำงานของ “ยางใบปัดน้ำฝน” ดีเพียงใด หากมีการใช้งานแล้วยางใบปัดน้ำฝนไม่สามารถรีดน้ำออกได้เต็มที่ ในช่วงที่ฝนตกอย่างรุนแรง อาจจะส่งผลให้ท่านไม่สามารถมองออกไปได้อย่างชัดเจน และจุดหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงกันนั่นคือ “หัวฉีดน้ำกระจก” ขอแนะนำให้หมั่นตรวจสอบเพื่อไม่ให้มีการอุดตันของน้ำที่ฉีดออกไป ซึ่งมีส่วนให้ยางใบปัดน้ำฝนทำงานได้ดียิ่งขึ้น เพราะมีส่วนชะล้างคราบสกปรกต่างๆ ที่เกาะติดอยู่ออกไปได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะหากเราได้ใส่น้ำยาล้างกระจกเข้าไปที่กระป๋องน้ำที่ฉีดกระจกจะเป็นส่วนเสริมให้ผิวหน้ากระจกลื่นขึ้นและถนอมไม่ให้ยางใบปัดน้ำฝนเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้นเพราะความเสียดทานที่กระจกน้อยลงไป โดยระดับน้ำที่ต้องตรวจสอบที่กระป๋องน้ำฉีดกระจกต้องเติมให้เต็มอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากในช่วงนี้อาจจะต้องมีการใช้น้ำมากกว่าการขับขี่ปกติ
2. สัญญาณไฟต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ โดยเฉพาะไฟหน้ารถยนต์ “ไฟตัดหมอก” และ “ไฟเลี้ยว” ที่ต้องใช้ควบคู่กับ ไฟฉุกเฉิน ซึ่งเราจะต้องใช้งานเมื่อหากขับผ่านจุดที่มีฝนตก โดยการเปิดไฟหน้าหรือไฟตัดหมอก เพื่อให้เกิดทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ การตรวจสอบด้วยตัวเองมีวิธีง่ายๆดังนี้ คือให้เปิดสวิทช์ไฟไปที่ตำแหน่งไฟต่ำ และออกมาสังเกตที่บริเวณโคมไฟหน้า และไฟตัดหมอกว่า มีแสงสว่างที่ออกมาอยู่ในตำแหน่งและแสงไฟที่ส่องออกมามีกำลังเพียงพอหรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่า แสงที่ออกมาไม่มีหรือไฟที่ออกมาเหมือนแสงไฟที่น้อยและริบหรี่มาก สมควรที่จะเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจสอบว่าโคมไฟหรือหลอดไฟมีการเสื่อมสภาพจากการใช้งานมาหรือไม่ สำหรับสัญญาณไฟฉุกเฉินที่จะต้องตรวจสอบ ก็เพราะเมื่อถึงเวลาที่จะต้องใช้งานในนาทีฉุกเฉิน และรถของเราได้ประสบเหตุที่ไม่คาดคิด เช่น รถอาจจะเสียกลางทาง หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะได้ไม่ต้องมาเสียอารมณ์เพิ่มมากขึ้น โดยขอแนะนำให้สังเกตเมื่อเราเปิดไฟเลี้ยว ทั้งสองข้างหากพบว่ามีจังหวะที่ไฟกระพริบเร็วมากกว่าปกติ นั่นแสดงว่าหลอดไฟด้านใดด้านหนึ่งขาด และให้กดสวิทช์ไฟฉุกเฉินว่ามีการทำงานที่เป็นปกติหรือไม่ หากสวิทช์ไม่ทำงานแนะนำให้ท่านต้องรีบเช็คที่ศูนย์บริการว่ามีส่วนไหนที่ทำงานบกพร่อง สำคัญคือเมื่อฝนตกห้ามเราเปิดไฟฉุกเฉินในขณะขับขี่ให้เปิดไฟหน้าหรือไฟหรี่แทน
3. ยางรถยนต์  หมั่นตรวจสอบ “ลมยาง” และ “สภาพยาง” อย่างสม่ำเสมอและเติมลมยางให้มากกว่าปกติประมาณ 2-3 ปอนด์ เพื่อให้หน้ายางแข็ง ซึ่งจะช่วยรีดน้ำออกจากหน้าสัมผัสของยาง และป้องกันอาการล้อฟรี ได้ ในกรณีดอกยางสึกหรอควรเปลี่ยนยางใหม่ โดยเลือกยางที่มีดอกยางละเอียดและมีร่องยางลึกไม่ต่ำกว่า 1.5 – 2 มม. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และการหยุดรถบนเส้นทางที่เปียกลื่น และให้ตรวจสอบอายุการใช้งานของยางด้วยว่าสมควรเปลี่ยนใหม่หรือไม่ ซึ่งปกติแล้วจะใช้งานไม่เกิน 4 ปี
4. ผ้าเบรก เมื่อถึงระยะเวลาที่ต้องเปลี่ยนหรือสึกหรอจากการใช้งานและมีการใช้งานที่นานมากๆ แต่ไม่เคยเปลี่ยนเลย อาจจะส่งผลให้การจับตัวของผ้าเบรกและจานเบรก ไม่มีประสิทธิภาพทำงานซึ่งเมื่อเจอกับสภาพอากาศที่มีความชื้นและเกิดการเปียกลื่นด้วยแล้ว เป็นการเสริมให้ความลื่นของหน้าสัมผัสมีมากขึ้น หากสภาพยางและเบรกไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี อาจจะทำให้รถเสียการทรงตัวและพลิกคว่ำได้ง่าย เพื่อความปลอดภัย ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบยางและระบบเบรกให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
5. นำรถเข้าตรวจสอบเช็คระยะตามที่ผู้ผลิตกำหนดมาให้ เพราะหากเราละเลยหรือไม่นำรถเข้าตรวจสอบ อาจจะมีชิ้นส่วนบางตัว ที่เสื่อมสภาพจากการใช้งานหรือมีความจำเป็นต้องเปลี่ยน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถขับรถได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
6. ผู้ขับขี่ ไม่ควรขับรถตามรถคันหน้าในระยะกระชั้นชิดและขับรถจี้ท้ายรถคันหน้า ประกอบกับสภาพถนนเปียกลื่น เมื่อรถคันหน้าหยุดรถกะทันหัน จะทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ทัน ไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูง ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่เพียงพอต่อการหยุดรถหรือในระยะไม่ต่ำกว่า 60 เมตร เพื่อป้องกันรถคันหน้าหยุดกะทันหันซึ่งจะทำให้ถูกรถคันอื่นชนท้าย ในการหยุดรถหรือเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหัน ให้เปิดสัญญาณไฟล่วงหน้าก่อนเปลี่ยนช่องทางทุกครั้ง ไม่เหยียบเบรกและปลดเกียร์ว่างขณะเข้าโค้ง เพราะจะเกิดแรงเหวี่ยงจนทำให้รถหลุดโค้งหรือให้ไม่สามารถควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางได้
7. หากเกิดอาการรถเหินน้ำ ซึ่งเกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงผ่านบริเวณที่มีแอ่งน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะทางโค้งและที่ลาดต่ำ ทำให้ยางไม่สามารถรีดน้ำออกจากหน้าสัมผัสได้ทัน จะส่งผลให้ล้อหมุนและลอยอยู่บนน้ำ ไม่สัมผัสกับพื้นถนน และเกิดการลื่นไถลจนไม่สามารถควบคุมได้ วิธีแก้ไขให้ค่อยๆถอนคันเร่ง เพื่อเบาเครื่องยนต์ จับพวงมาลัยให้มั่นคง พร้อมใช้เกียร์ต่ำจนกว่ารถจะทรงตัวได้ จึงค่อยเบรกเพื่อหยุดรถ กรณีขับผ่านแอ่งน้ำหรือหลุมบ่อที่มีความลึกมากกว่าปกติ ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยแตะเบรกก่อนจะถึงแอ่งน้ำเพราะจะทำให้รถหมุนหรือปัดจนเกิดอุบัติเหตุได้หากเกิดอาการตกใจเมื่อไปแตะเบรก
ทางช่างเค หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำแนะนำข้างต้นจะช่วยให้ทุกๆ ท่านได้ใช้รถ ใช้ถนน และขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในช่วงฤดูฝนนี้นะครับ
..
“Credited by ช่างเค”…
69336:20081 Views10190

ไฟเตือนน้ำมันโชว์ ขับต่อได้อีกกี่กิโลโมตร ?

แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์เค...อ่านต่อ
แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
66764:20486 Views7431

ใช้เกียร์ S ตอนไหนดี ให้เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด..

เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ช่วยควบคุมกา...อ่านต่อ
เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
70305:17774 Views7073

รถไม่ค่อยวิ่ง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนดี ?

เปลี่ยนตอนไหนดูแลรักษาอย่างไร…
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หลักๆ คือ หล่อลื่นชิ้นส่วน , ระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ , ชะล้างทำความสะอาด ,ป้องกันสนิมและการกัดกร่อน ,รักษากำลัง...อ่านต่อ
เปลี่ยนตอนไหนดูแลรักษาอย่างไร…
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หลักๆ คือ หล่อลื่นชิ้นส่วน , ระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ , ชะล้างทำความสะอาด ,ป้องกัน...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
72676:17288 Views7021

วิธีเข้าเกียร์ เมื่อจอดรถเพื่อถนอมเกียร์

ช่วยทำให้อายุการใช้งานเกียร์นานขึ้น…
การจอดรถไม่ถูกวิธีส่งผลทำให้เกียร์เกิดการสึกหรอ หรือทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ในระยะยาว วิธีการเข้าเกียร์ที่ถูกต้องเมื่อจอดรถจะช่วยล...อ่านต่อ
ช่วยทำให้อายุการใช้งานเกียร์นานขึ้น…
การจอดรถไม่ถูกวิธีส่งผลทำให้เกียร์เกิดการสึกหรอ หรือทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ในระยะยาว วิธีการเข้าเกี...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
84607:15542 Views4352

หมุนพวงมาลัยซ้าย – ขวา แล้วมีเสียงดัง เกิดจากอะไร แก้ยังไง

ผิดปกติส่งผลเสียหายกับรถยนต์ได้…
เนื่องจากชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการหมุนพวงมาลัยหรือที่เรียกว่าระบบบังคับเลี้ยว นอกจากจะมีระบบบังคับเลี้ยวแล้วยังเกี่ยวเนื่องกับระบบรองรับ...อ่านต่อ
ผิดปกติส่งผลเสียหายกับรถยนต์ได้…
เนื่องจากชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการหมุนพวงมาลัยหรือที่เรียกว่าระบบบังคับเลี้ยว นอกจากจะมีระบบบังคับเลี้ยวแล...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
73859:16778 Views3630

91 กับ 95 แบบไหนกินน้ำมันมากกว่ากัน เติมแบบไหนดี

น้ำมันแบบไหนได้ประสิทธิภาพดีที่สุด….
คิดว่าคงสงสัยว่าตัวเลขที่เราเห็นตามปั๊มน้ำมันที่มีตัวเลขเบนซิน 91 หรือเบนซิน 95 หรือแก๊สโซฮอล์ 91 และ แก๊สโซฮอล์ 95 ตัวเลขที่ต่อท้ายชน...อ่านต่อ
น้ำมันแบบไหนได้ประสิทธิภาพดีที่สุด….
คิดว่าคงสงสัยว่าตัวเลขที่เราเห็นตามปั๊มน้ำมันที่มีตัวเลขเบนซิน 91 หรือเบนซิน 95 หรือแก๊สโซฮอล์ 91 และ แก...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
  • คุ้มค่า ไม่เอาเปรียบราคา
  • ประกันคุณภาพ ซ่อมเหนือมาตรฐาน
  • บริการด้วยใจ บริการหลังการขาย
  • สิทธิพิเศษ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • YARIS ATIV
  • YARIS
  • YARIS CROSS
  • COROLLA ALTIS
  • COROLLA CROSS
  • CAMRY
  • BZ4X
  • GR 86
  • GR YARIS
  • GR COROLLA
  • GR SUPRA
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • HILUX CHAMP
  • REVO STANDARD CAB
  • REVO SMART CAB
  • REVO DOUBLE CAB
  • HIACE
  • COMMUTER
  • MAJESTY
รถอเนกประสงค์
  • VELOZ
  • FORTUNER
  • INNOVA
  • COASTER
  • ALPHARD
เมนูที่สนใจ
  • สนใจซื้อประกัน
  • สนใจเข้ารับบริการ
  • สนใจร่วมงานกับเรา
  • อยากรู้จัก เค.มอเตอร์ส
  • ค้นหาโชว์รูม
  • เค.มอเตอร์ส กูรู
  • เช็กฤกษ์ออกรถ
TOYOTA K.MOTORS TOYOTA’S DEALER

สำนักงานใหญ่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-662-6555
E-mail: customerservice@kmotors.co.th

  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • รถยนต์อเนกประสงค์
  • GR GAZOO RACING
  • YARIS ATIV

    เริ่มต้น 549,000 บาท

  • YARIS

    เริ่มต้น 559,000 บาท

  • YARIS CROSS

    เริ่มต้น 789,000 บาท

  • COROLLA ALTIS

    เริ่มต้น 894,000 บาท

  • COROLLA CROSS

    เริ่มต้น 999,000 บาท

  • CAMRY

    เริ่มต้น 1,455,000 บาท

  • BZ4X

    เริ่มต้น 1,529,000 บาท

  • HILUX CHAMP

    เริ่มต้นที่ 459,000 บาท

  • REVO STANDARD CAB

    เริ่มต้น 584,000 บาท

  • REVO SMART CAB

    เริ่มต้น 669,000 บาท

  • REVO DOUBLE CAB

    เริ่มต้น 744,000 บาท

  • HIACE

    เริ่มต้น 1,019,000 บาท

  • COMMUTER

    เริ่มต้น 1,289,000 บาท

  • MAJESTY

    เริ่มต้น 1,989,000 บาท

  • VELOZ

    เริ่มต้น 795,000 บาท

  • FORTUNER

    เริ่มต้น 1,239,000 บาท

  • INNOVA ZENIX

    เริ่มต้น 1,379,000 บาท

  • COASTER

    เริ่มต้น 1,960,000 บาท

  • ALPHARD

    เริ่มต้น 4,129,000 บาท

  • GR 86

    เริ่มต้น 2,949,000 บาท

  • GR YARIS

    เริ่มต้น 3,499,000 บาท

  • GR COROLLA

    เริ่มต้น 4,199,000 บาท

  • GR SUPRA

    เริ่มต้น 5,349,000 บาท