ALL NEW ALPHARD & VELLFIRE 2023

โดยในการเปิดตัวโฉมใหม่นี้ ถือเป็นการยกระดับความหรูจากเดิม เพิ่มความเหนือระดับให้กับการขับขี่ และไม่ทิ้งลายความทันสมัยและฟังก์ชันที่จะเติมเต็มทุกๆ การเดินทางให้ยิ่งสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

หากจะพูดว่า Alphard และ Vellfire ตัวใหม่นี้อัปเลเวลความหรูและความสะดวกสบายมาไว้ในรถยนต์ทั้ง 2 นี้ ก็คงไม่ผิด เพราะการออกแบบและฟังก์ชันต่างๆ ที่ใส่มา ต่างผ่านกระบวนการคิดมาหลายขั้นตอนแล้วว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับการใช้งานมากที่สุด แถมดีไซน์ยังพรีเมียมสุดๆ เหมาะกับการเสริมภาพลักษณ์และยังใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นรุ่นรถของคนที่เป็นผู้นำตัวจริงเลยทีเดียว

Alphard และ Vellfire ใหม่นี้!! ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากห้องโดยสารระดับ First Classบนเครื่องบิน ภายใต้คอนเซปต์ “Forceful x Impact Luxury” ซึ่งถ่ายทอดประสบการณ์ความหรูหรา สง่างาม ภูมิฐาน ผสานกับความแข็งแกร่ง ทรงพลัง ลงรายละเอียดไว้ในทุกๆ อณูของการออกแบบทั้งภายในและภายนอกที่เข้ากันได้อย่างลงตัว มีพื้นที่สำหรับผ่อนคลาย สะดวกสบายระดับ VIP พร้อมกับการขับขี่ที่นุ่มนวล สมรรถนะที่ดีเยี่ยม ที่สุดแห่งสุนทรียะในทุกการเดินทาง

โดย All New Toyata Alphard มีให้เลือก 2 รุ่น และ Vellfire 1 รุ่น ได้แก่…

Alphard 2.5 HEV Luxury

“เปิดประสบการณ์ High End Elegance ใหม่ กับการนั่งโดยสารระดับเฟิร์สคลาส”

 

ดีไซน์ภายนอก

– พิเศษ! ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
– พิเศษ! สัญลักษณ์ Executive Lounge
– ไฟหน้า และไฟท้ายแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential
– หลังคา Twin Moonroof
– ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย

ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร

– พิเศษ! เบาะนั่งผู้โดยสารแถว 2 แยกอิสระ แบบ Executive Lounge ปรับได้ 10 ทิศทาง เบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet พร้อมโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้
– พิเศษ! ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยลายไม้แบบ Uzuramoku
– พิเศษ! สีเบาะภายในสีดำ Black ***(สำหรับสีรถภายนอก Platinum White Pearl และ Black) และสีภายในสีน้ำตาล Sunset Brown (สำหรับสีรถภายนอก Precious Metal)
– พิเศษ! เพิ่มวัสดุบุนุ่มภายในห้องโดยสาร
– พิเศษ! ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม nanoe™X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้าและหลัง
– คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว
– Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถว 2
– ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า
– จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ (HUD)
– หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว
– ระบบนำทาง Navigator และระบบเชื่อมต่อ T-Connect
– การเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย
– มั่นใจทุกการเดินทาง ด้วยสมรรถนะ และอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย

ระบบเครื่องยนต์

– เครื่องยนต์ไฮบริด A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร Dual VVT-i กำลังรวมสูงสุด 250 PS ประหยัดน้ำมันได้ถึง 17.9 กม./ลิตร
– ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD เทคโนโลยี E-Four ใหม่ และโครงสร้างสถาปัตยกรรม TNGA เพื่อการทรงตัว เกาะถนนดีเยี่ยม พร้อมระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตำแหน่ง และกล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor)

 

ราคา 4,499,000 บาท

 

Alphard 2.5 HEV

“รถยนต์สุด Comfort Luxury ใหม่ กับความหรูหรา สะดวกสบาย เสมือนห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่”

ดีไซน์ภายนอก

– ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
– ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED พร้อมไปเลี้ยวแบบ Sequential
– หลังคา Twin Moonroof
– ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย

ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร

– เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระ ปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet
– คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว
– Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถว 2
– ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า
– จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ (HUD)
– หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว
– ระบบนำทาง Navigator และระบบเชื่อมต่อ T-Connect
– การเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม nanoe™X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า
– สีเบาะภายในสีเบจ Neutral Beige (สำหรับสีรถภายนอก Platinum White Pearl และ Black)
และสีภายในสีดำ Black (สำหรับสีรถภายนอก Precious Metal)
– มั่นใจทุกการเดินทาง ด้วยสมรรถนะ และอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย

ระบบเครื่องยนต์

– เครื่องยนต์ไฮบริด A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร Dual VVT-i กำลังรวมสูงสุด 250 PS ประหยัดน้ำมันได้ถึง 17.9 กม./ลิตร
– ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD เทคโนโลยี E-Four ใหม่ พร้อมโครงสร้างสถาปัตยกรรม TNGA เพื่อการทรงตัว เกาะถนนดีเยี่ยม
– ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ทั้งถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตำแหน่ง และกล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor)

 

ราคา 4,129,000 บาท

 

Vellfire 2.5 HEV

“Sport Luxury กับความหรูหราสะดวกสบาย พร้อมรูปลักษณ์ดุดัน”

ดีไซน์ภายนอก

– พิเศษ! ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
– พิเศษ! ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์พิเศษเฉพาะ VELLFIRE พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential
– พิเศษ! กันชนหน้าและหลัง ดีไซน์พิเศษเฉพาะ VELLFIRE
– หลังคา Twin Moonroof
– ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย

ดีไซน์ภายใน

– เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระ ปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet
– คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว
– Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง
– ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า
– จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ (HUD)
– หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว
– ระบบนำทาง Navigator และระบบเชื่อมต่อ T-Connect
– การเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม nanoe™X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า
– สีเบาะภายในสีดำ Black
– มั่นใจทุกการเดินทาง ด้วยสมรรถนะ และอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย

ระบบเครื่องยนต์

– เครื่องยนต์ไฮบริด A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร Dual VVT-i กำลังรวมสูงสุด 250 PS ประหยัดน้ำมันได้ถึง 17.9 กม./ลิตร
– ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD เทคโนโลยี E-Four ใหม่ พร้อมโครงสร้างสถาปัตยกรรม TNGA เพื่อการทรงตัว เกาะถนนดีเยี่ยม
– ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด
– ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตำแหน่ง

ราคา 4,279,000 บาท

 

All New Toyata Alphard /Vellfire มี 3 สีพิเศษ 

– Platinum White Pearl ใหม่
– Precious Metal ใหม่
– สี Black

 

 

 

อ่านบทความที่น่าสนใจสำหรับรถ Toyota Alphard & Vellfire

• ตารางเปรียบเทียบราคารถ Toyota Alphard & Vellfire
• สเปครถ Toyota Alphard & Vellfire
• Brochure Toyota Alphard & Vellfire
• โปรโมชั่นรถโตโยต้าทั้งหมด
• แผนที่ตั้งโชว์รูม โตโยต้า เค.มอเตอร์สทั้ง 20 สาขา