Skip to content
  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • Promotions
      โปรโมชั่น
    • Auto Reviews
      รีวิวรถยนต์
    • News & Events
      ข่าวและกิจกรรม
    • K.Motors Privileges
      สิทธิพิเศษ
    • Privacy Policy
      นโยบายความเป็นส่วนตัว
Call Center : 02-662-6555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

+ 2

+ 1

+ 0

Facebook |
อัพเดท : 12 ธันวาคม 2560

เมื่อสัญญาณไฟหน้าปัดรถ แจ้งเด้งเตือน  มันกำลังสื่ออะไร อันตรายหรือไม่…

ไฟหน้าปัดเด้ง

สัญญาณไฟหน้าปัดรถยนต์ผมเชื่อว่าหลายคนที่ขับรถส่วนใหญ่ มักจะดูแผงหน้าปัดรถยนต์ ดู สัญลักษณ์หน้าปัด ออกแค่เข็มวัดความเร็วกับน้ำมันเท่านั้น แบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ ต้องรีบปฏิวัติตัวเองใหม่ให้เป็นคนที่ใส่ใจและรอบรู้ในทุกๆด้าน เพราะเรื่องรถยิ่งรู้มาก ยิ่งขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น ปัญหาต่างๆน้อยลงครับ ฉะนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า สัญญาณไฟหน้าปัดรถยนต์ มีอะไร แต่ละอันบ่งบอกอะไรได้บ้าง ไปทำความรู้จักกันเลยครับ

ปัญหาของ “สัญญาณไฟหน้าปัดรถยนต์” ขึ้นเตือน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เจอกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดขับหรือผู้มากประสบการณ์ในการขับขี่ ก็ยังไม่ค่อยรู้จักสัญลักษณ์ต่างๆ กันสักเท่าไหร่

 

อันดับแรกเรามารู้จักความหมายของ ไฟหน้าปัดรถ แต่ละสีกันก่อนครับ…..

สัญลักษณ์ที่มีสีเขียวว หมายถึง อุปกรณ์มีการเปิดใช้งาน หรือ กำลังทำงานอยู่

สัญลักษณ์ที่มีสีส้ม หรือสีเหลือง แสดงว่ากำลังมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบเครื่องยนต์ ให้ทำการตรวจสอบ การทำงานตามความเหมาะสม

สัญลักษณ์ที่มีสีแดง หมายความว่าอันตรายให้หยุดการขับขี่ และทำการตรวจสอบโดยเร็ว

 

ต่อมาเรามาทำความรู้จักกับสัญลักษณ์ต่าง ๆ บน แผงหน้าปัดรถยนต์ กันดีกว่าครับ….

1.สัญญาณไฟเลี้ยว / ไฟกระพริบฉุกเฉิน

สัญลักษณ์​ไฟ​เลี้ยว​ทั้ง​สอง​จะ​กะพริบ​เมื่อ​มี​การ​ใช้​ไฟ​กะพริบฉุกเฉิน ซึ่งจะอยู่ด้านหน้าของรถที่เป็นหลอดสีส้ม เป็นสัญญาณบอกว่าต้องการเปลี่ยนทิศทางหรือไปด้านไหน หรือแม้กระทั่งการเปิดไฟกระพริบเมื่อเราต้องการให้สัญญาาณไฟฉุกเฉินก็ได้เช่นกันครับ

2.ไฟแสดงไฟตัดหมอกหน้า

การใช้ไฟตัดหมอก จะใช้เมื่อทัศนวิสัยในการมองเห็นพื้นผิวของถนนไม่ชัดเจน เช่น ตอนมีหมอกบนพื้นถนนในช่วงฤดูหนาว หรือเมื่อเราขับขี่รถยนต์ตอนฝนตกหนัก ไฟตัดหมอกจะช่วยให้เรามองเห็นทางข้างหน้าระยะใกล้ได้ดีขึ้น

3.ไฟเตือนระบบเบรก

สัญญาณไฟหน้าปัดรถ ที่เตือนระบบเบรก มักเกิดขึ้นใน 2 กรณี ได้แก่ เมื่อมีการดึงเบรกมือ และลดเบรกมือยังไม่สุด ซึ่งสัญลักษณ์นี้จะมีไฟแจ้งเตือนขึ้นมา แต่ถ้าหากว่าคุณลดเบรกมือลงแล้ว ยังมีไฟขึ้นอยู่ อาจจะท่าไม่ดีแล้วครับ ต้องรีบตรวจสอบระบบเบรกรถของคุณโดยเร็ว โดยวิธีการเช็คอันดับแรกก็คือต้องดูระดับน้ำมันเบรก เพราะส่วนใหญ่สัญลักษณ์มักจะแจ้งเตือนเมื่อน้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับปกติครับ แต่ในรถยนต์บางรุ่นจะแยกระหว่างระบบเบรกกับเบรกมือออกจากกัน ระบบเบรกจะเป็นเครื่องหมายตกใจ ส่วนเบรกมือเป็นตัว P ครับ เพื่อทำความเข้าใจในความแตกต่างให้มากขึ้น ขอแนะนำว่าให้อ่านและศึกษาข้อมูลจากคู่มือประจำรถแต่ละคันให้ละเอียดก่อนใช้รถครับ  

4.ไฟเตือนประตูเปิด

จงรู้ไว้เลยว่าถ้ามีสัญญาณไฟรูปรถยนต์ที่มีบานประตูทั้ง 4 เปิดค้าง นั่นแสดงว่ารถของคุณอาจมีประตูใดประตูหนึ่งที่ยังไม่ปิด หรือปิดแล้วแต่ยังปิดไม่สนิท ควรตรวจสอบและปิดใหม่อีกครั้งครับ โดยสัญลักษณ์เตือนการปิดประตูไม่สนิท จะมีขั้นตอนดังนี้ครับ

-หาก​ขับ​รถ​ที่​ความเร็ว​ต่ำกว่า ประมาณ 7 กม./ชม. สัญลักษณ์​แสดง​ข้อมูล​จะ​สว่างขึ้น

-หาก​ขับ​รถ​ที่​ความเร็ว​สูงกว่า ประมาณ 7 กม./ชม. สัญลักษณ์​เตือน​จะ​สว่างขึ้น

-หากฝา​กระโปรงหลังและประตูท้ายปิด​ไม่​สนิท สัญลักษณ์​เตือน​จะ​​สว่าง​ขึ้น​พร้อม​กับ​การ​แสดง​ภาพ​อธิบาย​ขึ้นใน​จอ​แสดงข้อมูล ควรหยุด​รถ​ใน​ที่​ปลอดภัย​โดยเร็ว​ที่สุด และ​ปิด​ฝา​กระโปรงหลังประตูท้ายให้สนิทครับ

5.ไฟเตือนการชาร์จไฟ

เมื่อมีสัญญาณไฟรูปแบตเตอรี่ขึ้นมา ไม่ได้หมายความว่าแบตเตอรี่ในรถของคุณเสื่อมหรือถึงเวลาต้องเปลี่ยนตัวใหม่นะครับ แต่มันกำลังแจ้งเตือนว่าการทำงานของไดร์ชาร์จทำงานผิดปกติ หากเจอสัญลักษณ์นี้ แต่คุณยังคงขับรถยนต์ต่อไป ระบบไฟฟ้าในรถยนต์จะอ่อนตัวลงเรื่อย ๆ การทำงานของวิทยุก็จะติด ๆ ดับ ๆ แรงลมของแอร์เบาลง และไฟหน้าจะค่อย ๆ หรี่ลงจนเครื่องยนต์ดับไปในที่สุด ซึ่งคาดเดาไว้ว่าอาจเกิดจาก 2 สาเหตุนี้

5.1.ไดชาร์จเสีย

ไดชาร์จทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้ระบบไฟในรถยนต์และชาร์จแบตเตอรี่ไปในตัว เมื่ออยู่ ๆ มันเกิดไม่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้ระบบรถอย่างเช่นปกติ ระบบไฟในรถยนต์จึงต้องดึงไฟจากแบตเตอรี่ไปใช้งานแทน จากนั้นเมื่อแบตหมดระบบต่าง ๆ ภายในรถก็จะหยุดทำงาน

5.2.สายพานไดชาร์จขาด

หากสายพานไดชาร์จขาด ต้องรีบจอดรถในที่ปลอดภัยเพื่อลงมาตรวจดูสายพานเป็นอย่างแรกก่อนครับ

6.ไฟเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย

เมื่อมีการสตาร์ทรถ แต่คนขับยังไม่ใส่เข็มขัดนิรภัย สัญลักษณ์นี้จะกระพริบแจ้งเตือนขึ้นมาทันที ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ และไฟเตือนจะดับลงเมื่อมีการใส่เข็มขัดนิรภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในรถบางรุ่นไม่ได้มีแค่สัญลักษณ์เตือนเท่านั้นนะครับ แต่จะเพิ่มเสียงไปด้วยเพื่อสร้างความรำคาญใจ จนคุณต้องยอมใส่เข็มขัดนิรภัย แถมบางรุ่นยังทำในส่วนของที่นั่งข้างคนขับด้วย 

7.ไฟแสดงเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ (MIL)

หากสัญญาณไฟรูป “เครื่องยนต์” ขึ้นมาเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่า “มีเรื่องแล้ว” เพราะแสดงว่าเครื่องยนต์ของรถคุณกำลังมีปัญหา เรียกได้ว่าปัญหาครอบจักรวาลที่ไม่อาจรู้ได้เลยทีเดียว เนื่องจากไฟแสดงเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ ที่ไม่บ่งชี้ว่าเป็นจุดไหน จึงหาทางแก้ไขด้วยตนเองได้ยาก เช่น ค่าออกซิเจนผิดปกติ สายพานเกินระยะกำหนด หรือ ตัว ECU มีปัญหา และอื่น ๆ อีกมากมาย เมื่อเห็นสัญลักษณ์นี้ขึ้นมาจึงไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ต้องรีบนำเข้าศูนย์บริการทันทีครับ โดยทางช่างเขาจะทำการเสียบอุปกรณ์กับช่อง OBD (On-Board Diagnostics) ซึ่งจะมีค่า Error แจ้งมา จึงจะสามารถรู้ได้ว่าเครื่องยนต์มีปัญหาตรงส่วนไหน อย่างไรก็ตามเมื่อสัญญาณนี้โชว์ไฟขึ้นแม้รถส่วนใหญ่จะยังทำงานได้ปกติ แต่ในบางรุ่น (โดยเฉพาะรถทางฝั่งยุโรป) จะจำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการได้ทันท่วงที และเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายมากกว่าเดิมครับ

8.ไฟแสดงการใช้ไฟสูง

ในการขับขี่ทางไกลเป็นเวลานานมักต้องใช้ความเร็วสูง เช่น การขับรถไปต่างจังหวัดตอนกลางคืน มักมองเส้นทางไม่ชัดเจน จึงต้องระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น โดยเฉพาะทางโค้งและเลี้ยว การเปิดไฟสูงจะถูกใช้เมื่อต้องการมองเห็นล่วงหน้าทางไกล เพื่อจะได้ปรับลดความเร็วในระยะที่เรายังสามารถควบคุมรถได้อยู่ แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้ไฟสูงนะครับ เพราะจะเป็นการรบกวนการขับขี่ของคนอื่นได้ครับ

9.ไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิงระดับต่ำ

เมื่อสัญญาณไฟรูปหัวจ่ายน้ำมันโชว์ขึ้นมา โปรดรู้ไว้ว่าน้ำมันเชื้อเพลิงรถของคุณกำลังเหลือน้อยลงทุกที จงเตรียมเงินและเริ่มมองหาปั๊มน้ำมันได้แล้ว เพราะรถของคุณจะวิ่งได้อย่างมากอีกประมาณ 50 กิโลเมตรเท่านั้น ฉะนั้นอย่าละเลยสัญญาณนี้เป็นอันขาดเลยครับ ถ้าไม่อยากรถยนต์ดับกลางทาง

10.ไฟอุณหภูมิหม้อน้ำ

ในปัจจุบันรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้มีมาตรวัดความร้อนหม้อน้ำมาให้แล้ว แต่คุณสามารถตรวจสอบการทำงานได้จากสัญญาณไฟหม้อน้ำ ซึ่งจะระบุได้  2  สถานะ คือ

10.1.ไฟเตือนอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นต่ำ คือ หม้อน้ำอยู่ในระดับที่เย็นกว่าปกติ จะขึ้นเป็นไฟสีน้ำเงินหรือสีฟ้า และเป็นรูปปรอทวัดความร้อนหม้อน้ำ เพื่อแจ้งเตือนว่าอุณหภูมิของเครื่องยนต์ในขณะนั้น กำลังอยู่ในช่วงของการวอร์มเครื่องยนต์ ยังไม่ควรเร่งเครื่องหรือขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดยไฟเตือนจะติดจนกว่าอุณหภูมิของเครื่องยนต์จะสูงขึ้นจนถึงอุณหภูมิการทำงาน หลังจากนั้นจึงสามารถค่อย ๆ ออกตัวหรือขับขี่ไปเรื่อย ๆ ก่อนได้ แต่ยังไม่ควรใช้ความเร็วสูงมากนัก และเมื่อไฟเตือนดับลงจึงสามารถใช้ความเร็วได้ตามปกติครับ..

10.2.ไฟเตือนอุณหภูมิน้ำหล่อร้อนสูง คือ หม้อน้ำอยู่ในระดับร้อนสูงผิดปกติ ไฟจะเตือนเป็นสีแดง พร้อมรูปปรอทวัดความร้อนหม้อน้ำ สัญญาณไฟนี้จะโชว์ขึ้นเมื่อเครื่องยนต์มีความร้อนสูงเกินกว่าระดับอุณหภูมิทำงาน ซึ่งหมายความว่าอุณหภูมิของเครื่องยนต์มีระดับที่สูงกว่าระดับที่เครื่องยนต์จะทำงานได้ตามปกติ หากยังใช้อยู่อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

สิ่งสำคัญที่ควรจำ คือ หากเกิดกรณีที่หม้อน้ำร้อนผิดปกติ ควรจอดรถโดยทันที เพื่อป้องกันความเสียหายกับระบบเครื่องยนต์ครับ

11.ไฟเตือนระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อค (ABS)

สาเหตุที่สัญญาณไฟหน้าปัดนี้โชว์ขึ้นและดับไป อาจเกิดจากการนำรถไปขับลุยน้ำ ทำให้เซ็นเซอร์หรือระบบไฟฟ้าเกิดการลงกราวด์ พอแห้งแล้วไฟก็จะดับไปเอง หรือแม้กระทั่งขับบนถนนแห้ง ๆ ไฟเกิดติดขึ้นมา แล้วจู่ ๆ ก็หายไป ยิ่งควรนำรถเข้าอู่เพื่อตรวจเช็คโดยด่วนนะครับ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ ไฟเตือนระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อค ABS แสดงขึ้นมา เช่น ผ้าเบรกหมด หรือ ระดับน้ำมันเบรกต่ำกว่ากำหนด เป็นต้นครับ

ที่สำคัญระหว่างกำลังขับขี่รถ ถ้ามีสัญญาณไฟเตือนระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก ABS ขึ้นมา ให้รีบจอดรถหรือนำรถเข้าเช็คโดยด่วน ถึงแม้ระบบเบรกจะยังทำงานอยู่ แต่เมื่อมีการเบรกกะทันหันระบบ ABS อาจจะไม่ทำงาน ซึ่งมีผลต่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของคุณเป็นอย่างมาก

 

แม้สัญญาณไฟบนหน้าปัดรถจะมีเยอะแยะมากมายจนแทบจำกันไม่หมด แต่รู้จักไว้เป็นพื้นฐานก็จะดีมาก ๆ เลยครับ เพราะนั่นหมายความว่าการใช้รถของคุณจะปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉะนั้นสัญญาณไฟบนหน้าปัดรถยนต์จึงไม่ควรละเลยกันนะครับ …เพื่อนๆสามารถนำรถมาตรวจสอบได้ที่ศูนย์บริการโตโยต้า เค.มอเตอร์ส ทั้ง 17 สาขา ได้เลยครับ หรือว่าจะโทรนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ Call Center 02-662-6555 ^^

 

วิ่งเกินระยะกำหนด มีผลต่อ “น้ำมันเครื่อง” อย่างไร?

ส่งผลร้ายมากกว่าดี ต้องหมั่นตรวจเช็ก
หากรถวิ่งเกินระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องส่วนใหญ่จะมีผลในด้านลบครับ น้ำมันเครื่องเป็นหนึ่งส่วนสำคัญในการทำงานของเครื่องยนต์และสารหล่อลื่นตัว...อ่านต่อ
ส่งผลร้ายมากกว่าดี ต้องหมั่นตรวจเช็ก
หากรถวิ่งเกินระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องส่วนใหญ่จะมีผลในด้านลบครับ น้ำมันเครื่องเป็นหนึ่งส่วนสำคัญในการทำงานข...อ่านต่อ
Facebook |

“เติมน้ำมันเต็มถัง “ กับ “ครึ่งถัง” แบบไหนคุ้มกว่าและประหยัดกว่ากัน ??

ปริมาณน้ำมันถึงจะเพียงพอและประหยัดกว่า? เป็นประเด็นกันเยอะพอสมควรครับ กับคำถามที่ค้างคาใจ ข้างในลึกๆ สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนว่า สรุปแล้ว “เติมน้ำมันเต็มถัง” หรือ “เติมครึ่งถัง” แบบไหนดีก...อ่านต่อ
ปริมาณน้ำมันถึงจะเพียงพอและประหยัดกว่า? เป็นประเด็นกันเยอะพอสมควรครับ กับคำถามที่ค้างคาใจ ข้างในลึกๆ สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนว่า สรุปแล้ว “เติมน้ำมันเต็มถัง”...อ่านต่อ
Facebook |

ระวัง!! อันตรายบนท้องถนนที่มาพร้อมกับฝน ฤดูแห่งความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ

เตรียมความพร้อมรถก่อนออกเดินทางวันฝนตก
การขับรถในช่วงฤดูฝนมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัยต่...อ่านต่อ
เตรียมความพร้อมรถก่อนออกเดินทางวันฝนตก
การขับรถในช่วงฤดูฝนมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์...อ่านต่อ
Facebook |

อย่าทำ !! หมุนพวงมาลัย ตอนรถหยุดนิ่ง มีผลเสียมากกว่าทิ่คิด

หมุนตอนหยุดนิ่งกับสิ่งที่ตามมาเพียบ..
รู้หรือไม่ !! การหมุนพวงมาลัยก็มีผลทำให้รถของคุณเกิดความเสียหายได้ การหมุนพวงมาลัยขณะรถหยุดนิ่ง ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการหมุนพวงมาลัยใ...อ่านต่อ
หมุนตอนหยุดนิ่งกับสิ่งที่ตามมาเพียบ..
รู้หรือไม่ !! การหมุนพวงมาลัยก็มีผลทำให้รถของคุณเกิดความเสียหายได้ การหมุนพวงมาลัยขณะรถหยุดนิ่ง ไม่ควรทำเป็นอ...อ่านต่อ
Facebook |

ไม่อยากให้ยางรถยนต์เสื่อม จนต้องเปลี่ยนยางบ่อยๆ

ไม่อยากเปลืองตังค์ ควรเลี่ยง!!
การเปลี่ยนยางรถยนต์แต่ละครั้ง ค่าใช้จ่ายจะสูงพอสมควร แต่ด้วยความจำเป็นในเรื่องของความปลอดภัยในการเดินทางก็ยากที่จะปฏิเสธได้ใช่มั้ยล่ะครับ หากว่าเร...อ่านต่อ
ไม่อยากเปลืองตังค์ ควรเลี่ยง!!
การเปลี่ยนยางรถยนต์แต่ละครั้ง ค่าใช้จ่ายจะสูงพอสมควร แต่ด้วยความจำเป็นในเรื่องของความปลอดภัยในการเดินทางก็ยากที่จะปฏ...อ่านต่อ
Facebook |

การเหยียบเบรกแช่ไว้ขณะรถติดเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง…จริงหรือ? แล้วควรทำอย่างไร

เสี่ยงเบรกพัง ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยเจอกับปัญหารถติดนานๆ รถแน่นเป็นจำนวนมาก จนต้องคอยหวาดระแวงว่าจะมีรถคันหน้าหรือคันหลังถอยหรือพุ่งมาชนหรือเปล่า หรือถ้...อ่านต่อ
เสี่ยงเบรกพัง ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยเจอกับปัญหารถติดนานๆ รถแน่นเป็นจำนวนมาก จนต้องคอยหวาดระแวงว่าจะมีรถคันหน้าหรือคันหลังถ...อ่านต่อ
Facebook |
  • คุ้มค่า ไม่เอาเปรียบราคา
  • ประกันคุณภาพ ซ่อมเหนือมาตรฐาน
  • บริการด้วยใจ บริการหลังการขาย
  • สิทธิพิเศษ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • YARIS ATIV
  • NEW YARIS
  • VIOS
  • ALTIS
  • C-HR
  • CAMRY
  • GR YARIS
  • GR SUPRA
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • REVO STANDARD CAB
  • REVO SMART CAB
  • REVO DOUBLE CAB
  • HIACE
  • COMMUTER
รถอเนกประสงค์
  • AVANZA
  • SIENTA
  • INNOVA
  • FORTUNER
  • COASTER
  • MAJESTY
  • VELLFIRE
  • ALPHARD
เมนูที่สนใจ
  • สนใจซื้อประกัน
  • สนใจเข้ารับบริการ
  • อยากรู้จัก เค.มอเตอร์ส
  • สนใจร่วมงาน
  • ค้นหาโชว์รูม
  • เค.มอเตอร์ส กูรู
  • เช็กฤกษ์ออกรถ
TOYOTA K.MOTORS TOYOTA’S DEALER

สำนักงานใหญ่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-662-6555
E-mail: customerservice@kmotors.co.th

  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • รถยนต์อเนกประสงค์
  • YARIS ATIV

    เริ่มต้น 539,000 บาท

  • YARIS

    เริ่มต้น 549,000 บาท

  • VIOS

    เริ่มต้น 609,000 บาท

  • COROLLA ALTIS

    เริ่มต้น 839,000 บาท

  • C-HR

    เริ่มต้น 979,000 บาท

  • COROLLA CROSS

    เริ่มต้น 989,000 บาท

  • CAMRY

    เริ่มต้น 1,445,000 บาท

  • GR YARIS

    เริ่มต้น 2,690,000 บาท

  • GR SUPRA

    เริ่มต้น 5,199,000 บาท

  • HILUX REVO STANDARD CAB

    เริ่มต้น 544,000 บาท

  • HILUX REVO SMART CAB

    เริ่มต้น 619,000 บาท

  • HILUX REVO DOUBLE CAB

    เริ่มต้น 699,000 บาท

  • HIACE

    เริ่มต้น 999,000 บาท

  • COMMUTER

    เริ่มต้น 1,269,000 บาท

  • AVANZA

    เริ่มต้น 649,000 บาท

  • SIENTA

    เริ่มต้น 765,000 บาท

  • INNOVA CRYSTA

    เริ่มต้น 1,199,000 บาท

  • FORTUNER

    เริ่มต้น 1,319,000 บาท

  • COASTER

    เริ่มต้น 1,960,000 บาท

  • MAJESTY

    เริ่มต้น 1,709,000

  • VELLFIRE

    เริ่มต้น 3,889,000 บาท

  • ALPHARD

    เริ่มต้น 4,019,000 บาท