Skip to content
  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
    • Promotions
      โปรโมชั่น
    • Auto Reviews
      รีวิวรถยนต์
    • News & Events
      ข่าวและกิจกรรม
    • K.Motors Privileges
      สิทธิพิเศษ
Call Center : 02-662-6555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

+ 2

+ 1

+ 0

Facebook |
อัพเดท : 1 สิงหาคม 2561

ระวัง!! อันตรายบนท้องถนนที่มาพร้อมกับฝน ฤดูแห่งความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ

ขับขี่ปลอดภัย

เตรียมความพร้อมรถก่อนออกเดินทางวันฝนตก
การขับรถในช่วงฤดูฝนมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัยต่อรถของคุณ ขอแนะนำวิธีการและขั้นตอนในการตรวจสอบรถยนต์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าฝนดังนี้ครับ

1. ตรวจสอบทัศนวิสัยในการขับขี่ ว่ากระจกหน้าของรถมีการทำงานของ “ยางใบปัดน้ำฝน” ดีเพียงใด หากมีการใช้งานแล้วยางใบปัดน้ำฝนไม่สามารถรีดน้ำออกได้เต็มที่ ในช่วงที่ฝนตกอย่างรุนแรง อาจจะส่งผลให้ท่านไม่สามารถมองออกไปได้อย่างชัดเจน และจุดหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงกันนั่นคือ “หัวฉีดน้ำกระจก” ขอแนะนำให้หมั่นตรวจสอบเพื่อไม่ให้มีการอุดตันของน้ำที่ฉีดออกไป ซึ่งมีส่วนให้ยางใบปัดน้ำฝนทำงานได้ดียิ่งขึ้น เพราะมีส่วนชะล้างคราบสกปรกต่างๆ ที่เกาะติดอยู่ออกไปได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะหากเราได้ใส่น้ำยาล้างกระจกเข้าไปที่กระป๋องน้ำที่ฉีดกระจกจะเป็นส่วนเสริมให้ผิวหน้ากระจกลื่นขึ้นและถนอมไม่ให้ยางใบปัดน้ำฝนเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้นเพราะความเสียดทานที่กระจกน้อยลงไป โดยระดับน้ำที่ต้องตรวจสอบที่กระป๋องน้ำฉีดกระจกต้องเติมให้เต็มอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากในช่วงนี้อาจจะต้องมีการใช้น้ำมากกว่าการขับขี่ปกติ
2. สัญญาณไฟต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ โดยเฉพาะไฟหน้ารถยนต์ “ไฟตัดหมอก” และ “ไฟเลี้ยว” ที่ต้องใช้ควบคู่กับ ไฟฉุกเฉิน ซึ่งเราจะต้องใช้งานเมื่อหากขับผ่านจุดที่มีฝนตก โดยการเปิดไฟหน้าหรือไฟตัดหมอก เพื่อให้เกิดทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ การตรวจสอบด้วยตัวเองมีวิธีง่ายๆดังนี้ คือให้เปิดสวิทช์ไฟไปที่ตำแหน่งไฟต่ำ และออกมาสังเกตที่บริเวณโคมไฟหน้า และไฟตัดหมอกว่า มีแสงสว่างที่ออกมาอยู่ในตำแหน่งและแสงไฟที่ส่องออกมามีกำลังเพียงพอหรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่า แสงที่ออกมาไม่มีหรือไฟที่ออกมาเหมือนแสงไฟที่น้อยและริบหรี่มาก สมควรที่จะเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจสอบว่าโคมไฟหรือหลอดไฟมีการเสื่อมสภาพจากการใช้งานมาหรือไม่ สำหรับสัญญาณไฟฉุกเฉินที่จะต้องตรวจสอบ ก็เพราะเมื่อถึงเวลาที่จะต้องใช้งานในนาทีฉุกเฉิน และรถของเราได้ประสบเหตุที่ไม่คาดคิด เช่น รถอาจจะเสียกลางทาง หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะได้ไม่ต้องมาเสียอารมณ์เพิ่มมากขึ้น โดยขอแนะนำให้สังเกตเมื่อเราเปิดไฟเลี้ยว ทั้งสองข้างหากพบว่ามีจังหวะที่ไฟกระพริบเร็วมากกว่าปกติ นั่นแสดงว่าหลอดไฟด้านใดด้านหนึ่งขาด และให้กดสวิทช์ไฟฉุกเฉินว่ามีการทำงานที่เป็นปกติหรือไม่ หากสวิทช์ไม่ทำงานแนะนำให้ท่านต้องรีบเช็คที่ศูนย์บริการว่ามีส่วนไหนที่ทำงานบกพร่อง สำคัญคือเมื่อฝนตกห้ามเราเปิดไฟฉุกเฉินในขณะขับขี่ให้เปิดไฟหน้าหรือไฟหรี่แทน
3. ยางรถยนต์  หมั่นตรวจสอบ “ลมยาง” และ “สภาพยาง” อย่างสม่ำเสมอและเติมลมยางให้มากกว่าปกติประมาณ 2-3 ปอนด์ เพื่อให้หน้ายางแข็ง ซึ่งจะช่วยรีดน้ำออกจากหน้าสัมผัสของยาง และป้องกันอาการล้อฟรี ได้ ในกรณีดอกยางสึกหรอควรเปลี่ยนยางใหม่ โดยเลือกยางที่มีดอกยางละเอียดและมีร่องยางลึกไม่ต่ำกว่า 1.5 – 2 มม. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และการหยุดรถบนเส้นทางที่เปียกลื่น และให้ตรวจสอบอายุการใช้งานของยางด้วยว่าสมควรเปลี่ยนใหม่หรือไม่ ซึ่งปกติแล้วจะใช้งานไม่เกิน 4 ปี
4. ผ้าเบรก เมื่อถึงระยะเวลาที่ต้องเปลี่ยนหรือสึกหรอจากการใช้งานและมีการใช้งานที่นานมากๆ แต่ไม่เคยเปลี่ยนเลย อาจจะส่งผลให้การจับตัวของผ้าเบรกและจานเบรก ไม่มีประสิทธิภาพทำงานซึ่งเมื่อเจอกับสภาพอากาศที่มีความชื้นและเกิดการเปียกลื่นด้วยแล้ว เป็นการเสริมให้ความลื่นของหน้าสัมผัสมีมากขึ้น หากสภาพยางและเบรกไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี อาจจะทำให้รถเสียการทรงตัวและพลิกคว่ำได้ง่าย เพื่อความปลอดภัย ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบยางและระบบเบรกให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
5. นำรถเข้าตรวจสอบเช็คระยะตามที่ผู้ผลิตกำหนดมาให้ เพราะหากเราละเลยหรือไม่นำรถเข้าตรวจสอบ อาจจะมีชิ้นส่วนบางตัว ที่เสื่อมสภาพจากการใช้งานหรือมีความจำเป็นต้องเปลี่ยน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถขับรถได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
6. ผู้ขับขี่ ไม่ควรขับรถตามรถคันหน้าในระยะกระชั้นชิดและขับรถจี้ท้ายรถคันหน้า ประกอบกับสภาพถนนเปียกลื่น เมื่อรถคันหน้าหยุดรถกะทันหัน จะทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ทัน ไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูง ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่เพียงพอต่อการหยุดรถหรือในระยะไม่ต่ำกว่า 60 เมตร เพื่อป้องกันรถคันหน้าหยุดกะทันหันซึ่งจะทำให้ถูกรถคันอื่นชนท้าย ในการหยุดรถหรือเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหัน ให้เปิดสัญญาณไฟล่วงหน้าก่อนเปลี่ยนช่องทางทุกครั้ง ไม่เหยียบเบรกและปลดเกียร์ว่างขณะเข้าโค้ง เพราะจะเกิดแรงเหวี่ยงจนทำให้รถหลุดโค้งหรือให้ไม่สามารถควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางได้
7. หากเกิดอาการรถเหินน้ำ ซึ่งเกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงผ่านบริเวณที่มีแอ่งน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะทางโค้งและที่ลาดต่ำ ทำให้ยางไม่สามารถรีดน้ำออกจากหน้าสัมผัสได้ทัน จะส่งผลให้ล้อหมุนและลอยอยู่บนน้ำ ไม่สัมผัสกับพื้นถนน และเกิดการลื่นไถลจนไม่สามารถควบคุมได้ วิธีแก้ไขให้ค่อยๆถอนคันเร่ง เพื่อเบาเครื่องยนต์ จับพวงมาลัยให้มั่นคง พร้อมใช้เกียร์ต่ำจนกว่ารถจะทรงตัวได้ จึงค่อยเบรกเพื่อหยุดรถ กรณีขับผ่านแอ่งน้ำหรือหลุมบ่อที่มีความลึกมากกว่าปกติ ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยแตะเบรกก่อนจะถึงแอ่งน้ำเพราะจะทำให้รถหมุนหรือปัดจนเกิดอุบัติเหตุได้หากเกิดอาการตกใจเมื่อไปแตะเบรก
ทางช่างเค หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำแนะนำข้างต้นจะช่วยให้ทุกๆ ท่านได้ใช้รถ ใช้ถนน และขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในช่วงฤดูฝนนี้นะครับ
..
“Credited by ช่างเค”…

ทำไมรถกระบะ…ต้องใช้เครื่องดีเซล (Diesel)

รถกระบะเติมดีเซล แรงดี ประหยัด
เนื่องจากรถกระบะเป็นรถที่ต้องใช้แรง ทั้งขนของ ขนคน จึงมีความจำเป็นที่ต้องใช้น้ำมันดีเซล เพราะแรงบิดเยอะกว่า แม้จะบรรทุกของหนักๆ ก็ไม่เปลืองน้ำมัน...อ่านต่อ
รถกระบะเติมดีเซล แรงดี ประหยัด
เนื่องจากรถกระบะเป็นรถที่ต้องใช้แรง ทั้งขนของ ขนคน จึงมีความจำเป็นที่ต้องใช้น้ำมันดีเซล เพราะแรงบิดเยอะกว่า แม้จะบรร...อ่านต่อ
Facebook |

ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้อง “เชื่อม” เครื่องยนต์จะต้องทำอย่างไร ไม่ให้เกิดอันตราย..

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกระแสไฟฟ้าช็อต
ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้อง “เชื่อม” เครื่องยนต์จะต้องทำอย่างไร ไม่ให้เกิดอันตราย ไม่ว่าจะเป็นท่อไอเสียหรือชิ้นส่วนอื่นๆ สิ่งที่ควร...อ่านต่อ
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกระแสไฟฟ้าช็อต
ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้อง “เชื่อม” เครื่องยนต์จะต้องทำอย่างไร ไม่ให้เกิดอันตราย ไม่ว่าจะเป็นท่อไอเส...อ่านต่อ
Facebook |

ไขข้อข้องใจ!! เกียร์ CVT และ เกียร์ Auto คืออะไร แล้วมีดียังไง

ทำความรู้จักเกียร์ CVT VS เกียร์ AUTO
ปัจจุบันรถยนต์ทั่วไปมักใช้เกียร์รถแบบ Auto และยังมีบางส่วนที่ขับแบบเกียร์กระปุก ในขณะที่รถรุ่นใหม่ๆ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เกียร์ CVT กันมากขึ้น...อ่านต่อ
ทำความรู้จักเกียร์ CVT VS เกียร์ AUTO
ปัจจุบันรถยนต์ทั่วไปมักใช้เกียร์รถแบบ Auto และยังมีบางส่วนที่ขับแบบเกียร์กระปุก ในขณะที่รถรุ่นใหม่ๆ เริ่มเปลี...อ่านต่อ
Facebook |

LSD (Limited Slip Differential) ในรถโตโยต้าจำเป็นยังไง และมีไว้เพื่ออะไร

เฟื่องท้ายอีกส่วนสำคัญของเครื่องยนต์
Limited Slip Differential บางคนเรียกสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “เต็ด” ชื่อย่อๆ คือ LSD (Limited Slip Differential) หรือที่เรารู้จักกันว่า &...อ่านต่อ
เฟื่องท้ายอีกส่วนสำคัญของเครื่องยนต์
Limited Slip Differential บางคนเรียกสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “เต็ด” ชื่อย่อๆ คือ LSD (Limited Slip Differen...อ่านต่อ
Facebook |

มือใหม่หัดขับควรรู้เมื่อออกสู่ถนนจริงครั้งแรก

มือใหม่หัดขับควรเตรียมตัวก่อนขับรถจริง สิ่งจำเป็นที่ต้องศึกษาและเรียนรู้ไว้ก่อนขับรถออกถนนใหญ่เป็นครั้งแรก อย่าลืมเตรียมความพร้อม เพื่อความปลอดภัยของชีวิตคุณและผู้อื่นด้วยเช่นกัน...อ่านต่อ
มือใหม่หัดขับควรเตรียมตัวก่อนขับรถจริง สิ่งจำเป็นที่ต้องศึกษาและเรียนรู้ไว้ก่อนขับรถออกถนนใหญ่เป็นครั้งแรก อย่าลืมเตรียมความพร้อม เพื่อความปลอดภัยของชีวิตคุณและผู้อื่นด้วยเช่นกัน...อ่านต่อ
Facebook |

โตโยต้า เทคโนโลยี Start&Stop

ระบบสตาร์ทที่สะดวกและรวดเร็ว แถมประหยัด
ระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ Start&Stop ของโตโยต้า เป็นระบบที่มีการดับเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลาที่เหมาะสม ซ...อ่านต่อ
ระบบสตาร์ทที่สะดวกและรวดเร็ว แถมประหยัด
ระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ Start&Stop ของโตโยต้า เป็นระบบที่มีการดับเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อไม...อ่านต่อ
Facebook |
  • คุ้มค่า ไม่เอาเปรียบราคา
  • ประกันคุณภาพ ซ่อมเหนือมาตรฐาน
  • บริการด้วยใจ บริการหลังการขาย
  • สิทธิพิเศษ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • YARIS ATIV
  • NEW YARIS
  • VIOS
  • ALTIS
  • C-HR
  • CAMRY
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • REVO STANDARD CAB
  • REVO SMART CAB
  • REVO DOUBLE CAB
  • HIACE
  • COMMUTER
  • VENTURY
  • ALPHARD
  • VELLFIRE
รถอเนกประสงค์
  • AVANZA
  • SIENTA
  • INNOVA CRYSTA
  • FORTUNER
เมนูที่สนใจ
  • สนใจซื้อประกัน
  • สนใจเข้ารับบริการ
  • อยากรู้จัก เค.มอเตอร์ส
  • สนใจร่วมงาน
  • ค้นหาโชว์รูม
  • เค.มอเตอร์ส กูรู
  • เช็กฤกษ์ออกรถ
TOYOTA K.MOTORS TOYOTA’S DEALER

สำนักงานใหญ่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-662-6555
E-mail: customerservice@kmotors.co.th

  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • รถยนต์อเนกประสงค์
  • TOYOTA YARIS ATIV

    เริ่มต้น 529,000 บาท

  • TOYOTA NEW YARIS

    เริ่มต้น 539,000 บาท

  • TOYOTA VIOS

    เริ่มต้น 609,000 บาท

  • ALL NEW COROLLA ALTIS

    เริ่มต้น 829,000 บาท

  • TOYOTA C-HR

    เริ่มต้น 979,000 บาท

  • ALL NEW TOYOTA CAMRY

    เริ่มต้น 1,445,000 บาท

  • All New Toyota GR Supra

    เริ่มต้น 4,999,000 บาท

  • TOYOTA HILUX REVO STANDARD CAB

    เริ่มต้น 528,000 บาท

  • TOYOTA HILUX REVO
    SMART CAB

    เริ่มต้น 592,000 บาท

  • TOYOTA HILUX REVO
    DOUBLE CAB

    เริ่มต้น 682,000 บาท

  • TOYOTA HIACE

    เริ่มต้น 999,000 บาท

  • TOYOTA COMMUTER

    เริ่มต้น 1,269,000 บาท

  • TOYOTA VENTURY

    เริ่มต้น 1,367,000 บาท

  • ALL NEW TOYOTA ALPHARD

    เริ่มต้น 3,939,000 บาท

  • ALL NEW TOYOTA VELLFIRE

    เริ่มต้น 3,809,000 บาท

  • NEW AVANZA

    เริ่มต้น 649,000 บาท

  • ALL NEW TOYOTA SIENTA

    เริ่มต้น 765,000 บาท

  • ALL NEW TOYOTA INNOVA CRYSTA

    เริ่มต้น 1,129,000 บาท

  • ALL NEW TOYOTA FORTUNER

    เริ่มต้น 1,299,000 บาท

  • COASTER

    เริ่มต้น 1,960,000 บาท

  • ALL NEW TOYOTA MAJESTY

    เริ่มต้น 1,709,000