Skip to content
  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • Promotions
      โปรโมชั่น
    • Auto Reviews
      รีวิวรถยนต์
    • News & Events
      ข่าวและกิจกรรม
    • K.Motors Privileges
      สิทธิพิเศษ
    • Privacy & Security Policy
      นโยบายความเป็นส่วนตัว
Call Center : 02-662-6555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1//kmotors-guru//2025-12-05//2023//11716 Views25623

+ 2

+ 1

+ 0

  • Facebook iconFacebook
อัพเดท : 9 กรกฎาคม 2561

หน้าที่หลักของ “ระบบช่วงล่าง” มีอะไร ทำงานอย่างไร

รับแรงสะเทือน ปรับความสมดุล

ระบบรองรับน้ำหนักรถ ความต่าง การใช้งานที่ไม่เหมือนกัน!!
“ระบบช่วงล่าง” ชิ้นส่วนต่างๆ มากมาย มีหน้าที่ใจความหลักสำคัญในการทำให้รถยนต์เกาะติดกับพื้นถนนทุกสภาพการขับขี่ ไม่เกิดอาการเหินหาว ช่วยลดการสะท้านจากสภาพถนนสู่ตัวรถ นับว่าเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้คุณขับรถได้มั่นใจมากขึ้น และแม้พวกมันจะสำคัญแค่ไหน แต่ก็ยังมีน้อยคนที่สนใจใคร่รู้เกี่ยวกับ “ระบบช่วงล่าง”

รถคุณรองรับน้ำหนักได้ดีแค่ไหน มั่นใจแค่ไหนว่าช่วงล่างรถของคุณเหมาะกับรถยนต์คุณที่สุดแล้ว?? ช่างเค จะมาเคลียร์ทุกประเด็นข้อสงสัย ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับช่วงล่างรถยนต์ให้กระจ่างชัด

 

ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าช่วงล่างรถยนต์มีแบบไหนบ้าง…
ช่วงล่างแบบคานเหล็ก (Torsion beam) และช่วงล่างแบบอิสระ (Double Wishbones) ซึ่งทั้ง 2 คือ ระบบช่วงล่างหรือระบบรองรับเหมือนกัน แต่ลักษณะการออกแบบต่างกัน ทำให้เมื่อใช้งานก็จะมีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน

 

ช่วงล่างรถยนต์มีหน้าที่รองรับน้ำหนักตัวรถ ผู้โดยสาร รวมถึงสิ่งของต่างๆ ที่อยู่บนรถ นอกจากนี้หน้าที่ของช่วงล่างที่ดียังช่วยในการควบคุมการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย และช่วยรักษาระดับความสูงของตัวรถ ที่สำคัญยังส่งผลถึงความสะดวกสบายในการขับขี่หรือการนั่งเพื่อโดยสารไปกับรถคันนั้นๆ ด้วย

 

ระบบช่วงล่างสำหรับรถยนต์มีการออกแบบให้มีความเหมาะสมกับรถยนต์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันออกไป การจะเลือกใช้ช่วงล่างแบบไหนขึ้นอยู่กับความต้องการการใช้งานของแต่ละคน ซึ่งในที่นี้เราจะพูดถึง ช่วงล่างแบบคานเหล็ก(Torsion beam) กับช่วงล่างแบบอิสระ (Double Wishbones) ซึ่งทั้ง 2 คือ ระบบช่วงล่างหรือระบบรองรับเหมือนกัน แต่ลักษณะการออกแบบต่างกัน ก็ทำให้เมื่อใช้งานก็จะมีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน

 

ช่วงล่างแบบคานเหล็ก Torsion beam คานเหล็ก คือ ลักษณะเป็นแบบแกนเหล็กตรงๆ แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้สอยภายในห้องผู้โดยสาร โดยเฉพาะด้านหลังที่ออกแบบให้แกนกลางหักวกไปยังล้อเป็นรูปตัว U คว่ำ ส่วนล้อไปอยู่ตรงปลายตัว U ทั้ง 2 ข้าง ช่วงล่างแบบคานเหล็กเป็นที่นิยมในรถขนาดเล็ก เพราะมันสามารถเพิ่มพื้นที่ใช้สอยด้านหลังได้มากขึ้น แถมยังเป็นช่วงล่างที่มีรถคาถูก และสามารถแบ่งโช๊คและสปริงออกจากกัน ซึ่งแกนเหล็กที่ยึดล้อทั้ง 2 ข้างด้วยกัน ทำให้มันเป็นได้แค่ กึ่ง-อิสระ เท่านั้น เนื่องจากการให้ตัวของช่วงล่างได้น้อย แต่ข้อดีคือมีความแข็งแรงทนทาน ไม่จุกจิกและไม่มีอุปกรณ์ที่ต้องมาติดเสริมมากมาย และการทรงตัวก็ทำได้ดีเมื่อมีน้ำหนักบรรทุก ข้อเสียคือไม่ค่อยนุ่มนวลเวลานั่งและขับขี่

 

ระบบช่วงล่างแบบอิสระ Double Wishbones แค่ชื่อบอกแล้วว่าเป็นกระดูกคู่ โดยช่วงล่างแบบอิสระนี้จะจับดุมล้อ แบบ 2 ก้านคู่ขนานกัน ถือเป็นเทคโนโลยีเก่า แต่ก็เป็นเทคโนโลยีที่รถสปอร์ตส่วนใหญ่ใช้กัน สปริงและโช๊คอัพจะติดตั้งอยู่ระหว่างปีกนกด้านบนและด้านล่าง เพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือนในขณะที่ล้อรถตกหลุม สปริงจะดีดล้อลง และในขณะที่ขับรถข้ามสิ่งกีดขวาง สปริงจะพยายามส่งผ่านแรงสะเทือนไปที่โครงรถอย่างนุ่มนวล ระบบช่วงล่างอิสระถูกดัดแปลงใช้กับรถยนต์แต่ละรุ่นแตกต่างกันไป บางรุ่นออกแบบระบบปีกนกเพื่อเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่มากขึ้น แต่บางรุ่นก็ออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทรงตัวของรถขณะขับขี่หรือเข้าโค้ง การออกแบบของแต่ละรุ่นจะส่งผลให้มีการผลิตชิ้นส่วนของแขนปีกนกบนปีกนกล่าง ซึ่งรูปร่างก็แตกต่างกันไป โดยรถสปอร์ตส่วนใหญ่เลือกใช้กระดูกคู่ แต่ก็มีรถสปอร์ตหลายรุ่นใช้มัลติลิ้งค์ ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก (ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ และการออกแบบของมัลติลิ้งค์) แต่ข้อเสียของมัลติลิ้งค์ คือ ราคาที่แพง และยังต้องใช้พื้นที่ว่างเยอะกว่าช่วงล่างแบบอื่น ทำให้ส่วนใหญ่มักอยู่ในรถขนาดกลางไปถึงใหญ่มากกว่า

 

อายุการใช้งานของช่วงล่าง
อายุการใช้งานของช่วงล่างนั้นขึ้นอยู่กับภาวะการใช้งานของแต่ละคันครับ คันไหนที่ผ่านความสมบุกสมบันมามาก ก็จะไปไวกว่ารถที่ถูกใช้งานอย่างทะนุถนอมและดูแลรักษาเป็นอย่างดี ซึ่งส่วนล่างที่มักพบว่าได้รับความเสียหาย คือ โช๊คอัพ ลูกหมาก และบุชยาง โดยอย่างหลังนี้มักถูกละเลยจากผู้ใช้เพราะส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าต้องมีการดูแลนั่นเอง

 

อาการอะไรที่บ่งบอกว่าช่วงล่างรถของคุณกำลังเสื่อมสภาพ
เวลาขับรถแล้วรู้สึกว่าอาการเข้าโค้ง อาการซับแรงกระแทกรถ ทั้งหมดเปลี่ยนไป  ให้สันนิษฐานได้เลยว่าช่วงล่างรถของคุณเริ่มเกิดการเสื่อมสภาพแล้ว หากพบอาการผิดปกติเหล่านี้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลองตรวจสอบสภาพช่วงล่างตัวเองในเบื้องต้นก่อน เช่น ตรวจลูกยาง เช็คร่องรอยการซึมของโช๊ค เป็นต้น

 

ทั้ง 2 แบบที่กล่าวถึงมานั้น ต้องบอกว่ามีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน แต่ก็ผ่านการออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน เพราะไม่ว่าจะเป็นระบบคานเหล็ก ที่อาจจะนุ่มนวลน้อยกว่าแต่ก็มีความทนทานกว่าและปัจจุบันมีการออกแบบโช้คและสปริงให้มีความนุ่นหนึบเพื่อให้เหมาะกับคานเหล็กแต่ก็นิ่มนวลกว่าสมัยก่อน ส่วนระบบอิสระนุ่มนวลกว่าก็จริงแต่ราคาค่าตัวเมื่อต้องเปลี่ยนจากการสึกหรอก็ไม่น้อยและบางคนจะรู้สึกได้ว่ามันนิ่มจนรถโยนๆ โคลงๆ แต่ผู้ผลิตก็ปรับแก้จุดนี้ให้ดีและชดเชยการโยนการโคลงแล้ว อย่างไรก็แล้วแต่การจะเลือกใช้ช่วงล่างแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการการใช้งานของแต่ละคนนะครับ/ช่างเค

 

อ่านบทความของช่างเค ที่น่าสนใจ

  • วิธีตรวจเช็คอาการท่อไอเสียพัง – ช่างเค
69336:20076 Views10190

ไฟเตือนน้ำมันโชว์ ขับต่อได้อีกกี่กิโลโมตร ?

แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์เค...อ่านต่อ
แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
66764:20484 Views7430

ใช้เกียร์ S ตอนไหนดี ให้เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด..

เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ช่วยควบคุมกา...อ่านต่อ
เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
70305:17769 Views7070

รถไม่ค่อยวิ่ง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนดี ?

เปลี่ยนตอนไหนดูแลรักษาอย่างไร…
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หลักๆ คือ หล่อลื่นชิ้นส่วน , ระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ , ชะล้างทำความสะอาด ,ป้องกันสนิมและการกัดกร่อน ,รักษากำลัง...อ่านต่อ
เปลี่ยนตอนไหนดูแลรักษาอย่างไร…
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หลักๆ คือ หล่อลื่นชิ้นส่วน , ระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ , ชะล้างทำความสะอาด ,ป้องกัน...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
72676:17287 Views7021

วิธีเข้าเกียร์ เมื่อจอดรถเพื่อถนอมเกียร์

ช่วยทำให้อายุการใช้งานเกียร์นานขึ้น…
การจอดรถไม่ถูกวิธีส่งผลทำให้เกียร์เกิดการสึกหรอ หรือทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ในระยะยาว วิธีการเข้าเกียร์ที่ถูกต้องเมื่อจอดรถจะช่วยล...อ่านต่อ
ช่วยทำให้อายุการใช้งานเกียร์นานขึ้น…
การจอดรถไม่ถูกวิธีส่งผลทำให้เกียร์เกิดการสึกหรอ หรือทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ในระยะยาว วิธีการเข้าเกี...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
84607:15540 Views4350

หมุนพวงมาลัยซ้าย – ขวา แล้วมีเสียงดัง เกิดจากอะไร แก้ยังไง

ผิดปกติส่งผลเสียหายกับรถยนต์ได้…
เนื่องจากชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการหมุนพวงมาลัยหรือที่เรียกว่าระบบบังคับเลี้ยว นอกจากจะมีระบบบังคับเลี้ยวแล้วยังเกี่ยวเนื่องกับระบบรองรับ...อ่านต่อ
ผิดปกติส่งผลเสียหายกับรถยนต์ได้…
เนื่องจากชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการหมุนพวงมาลัยหรือที่เรียกว่าระบบบังคับเลี้ยว นอกจากจะมีระบบบังคับเลี้ยวแล...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
73859:16776 Views3630

91 กับ 95 แบบไหนกินน้ำมันมากกว่ากัน เติมแบบไหนดี

น้ำมันแบบไหนได้ประสิทธิภาพดีที่สุด….
คิดว่าคงสงสัยว่าตัวเลขที่เราเห็นตามปั๊มน้ำมันที่มีตัวเลขเบนซิน 91 หรือเบนซิน 95 หรือแก๊สโซฮอล์ 91 และ แก๊สโซฮอล์ 95 ตัวเลขที่ต่อท้ายชน...อ่านต่อ
น้ำมันแบบไหนได้ประสิทธิภาพดีที่สุด….
คิดว่าคงสงสัยว่าตัวเลขที่เราเห็นตามปั๊มน้ำมันที่มีตัวเลขเบนซิน 91 หรือเบนซิน 95 หรือแก๊สโซฮอล์ 91 และ แก...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
  • คุ้มค่า ไม่เอาเปรียบราคา
  • ประกันคุณภาพ ซ่อมเหนือมาตรฐาน
  • บริการด้วยใจ บริการหลังการขาย
  • สิทธิพิเศษ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • YARIS ATIV
  • YARIS
  • YARIS CROSS
  • COROLLA ALTIS
  • COROLLA CROSS
  • CAMRY
  • BZ4X
  • GR 86
  • GR YARIS
  • GR COROLLA
  • GR SUPRA
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • HILUX CHAMP
  • REVO STANDARD CAB
  • REVO SMART CAB
  • REVO DOUBLE CAB
  • HIACE
  • COMMUTER
  • MAJESTY
รถอเนกประสงค์
  • VELOZ
  • FORTUNER
  • INNOVA
  • COASTER
  • ALPHARD
เมนูที่สนใจ
  • สนใจซื้อประกัน
  • สนใจเข้ารับบริการ
  • สนใจร่วมงานกับเรา
  • อยากรู้จัก เค.มอเตอร์ส
  • ค้นหาโชว์รูม
  • เค.มอเตอร์ส กูรู
  • เช็กฤกษ์ออกรถ
TOYOTA K.MOTORS TOYOTA’S DEALER

สำนักงานใหญ่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-662-6555
E-mail: customerservice@kmotors.co.th

  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • รถยนต์อเนกประสงค์
  • GR GAZOO RACING
  • YARIS ATIV

    เริ่มต้น 549,000 บาท

  • YARIS

    เริ่มต้น 559,000 บาท

  • YARIS CROSS

    เริ่มต้น 789,000 บาท

  • COROLLA ALTIS

    เริ่มต้น 894,000 บาท

  • COROLLA CROSS

    เริ่มต้น 999,000 บาท

  • CAMRY

    เริ่มต้น 1,455,000 บาท

  • BZ4X

    เริ่มต้น 1,529,000 บาท

  • HILUX CHAMP

    เริ่มต้นที่ 459,000 บาท

  • REVO STANDARD CAB

    เริ่มต้น 584,000 บาท

  • REVO SMART CAB

    เริ่มต้น 669,000 บาท

  • REVO DOUBLE CAB

    เริ่มต้น 744,000 บาท

  • HIACE

    เริ่มต้น 1,019,000 บาท

  • COMMUTER

    เริ่มต้น 1,289,000 บาท

  • MAJESTY

    เริ่มต้น 1,989,000 บาท

  • VELOZ

    เริ่มต้น 795,000 บาท

  • FORTUNER

    เริ่มต้น 1,239,000 บาท

  • INNOVA ZENIX

    เริ่มต้น 1,379,000 บาท

  • COASTER

    เริ่มต้น 1,960,000 บาท

  • ALPHARD

    เริ่มต้น 4,129,000 บาท

  • GR 86

    เริ่มต้น 2,949,000 บาท

  • GR YARIS

    เริ่มต้น 3,499,000 บาท

  • GR COROLLA

    เริ่มต้น 4,199,000 บาท

  • GR SUPRA

    เริ่มต้น 5,349,000 บาท