Skip to content
  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • Promotions
      โปรโมชั่น
    • Auto Reviews
      รีวิวรถยนต์
    • News & Events
      ข่าวและกิจกรรม
    • K.Motors Privileges
      สิทธิพิเศษ
    • Privacy Policy
      นโยบายความเป็นส่วนตัว
Call Center : 02-662-6555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

+ 2

+ 1

+ 0

Facebook |
อัพเดท : 18 กรกฎาคม 2561

เคล็ดลับการใช้งาน “ปุ่ม Push Start”  อย่างถูกวิธี

พร้อมเคล็ดลับการใช้งาน…

ปุ่ม Push Start ใช้งานและทำงานอย่างไร?
การใช้งานของปุ่ม Push Start ถือเป็นการอำนวยความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ยุคใหม่ จากเดิมที่ต้องเสียกุญแจก่อนจึงจะสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ แต่ทุกวันนี้ “กด” ปุ๊ป ออกรถได้เลยทันที  แม้หน้าที่หลักคือใช้สตาร์ทรถ แต่ปุ่ม Push Start ยังมีวิธีการทำงานอื่นๆ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ และเทคนิคต่างๆ ที่จะทำให้การขับง่ายขึ้น

วันนี้ช่างเคจะมาบอกกล่าวเล่าเรื่องเกี่ยวกับปุ่ม Push Start พร้อมแนะเคล็ดลับการใช้งานอย่างถูกวิธีให้ครับ… ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับมันก่อนดีกว่าครับ ปุ่ม Push Start คืออะไร? มันก็คือปุ่มกดที่ทำหน้าที่เหมือนๆ กับกุญแจรถทั่วๆ ไป ใช้เปิดระบบภายในรถยนต์ ใช้เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ เพียงแต่เราไม่ต้องหยิบกุญแจขึ้นมาแล้วคลำหาช่องเสียบกุญแจเพื่อบิดสตาร์ทเท่านั้นเอง

 

ระบบของ ปุ่ม Push Start ทำงานยังไง?

ปุ่ม Push Start จะทำงานควบคู่กับกุญแจ Smart Key เป็นการสื่อสารกันระหว่างตัวรถกับ Smart Key ถ้าไม่มี Smart Key ก็ไม่สามารถปลดล็อครถ หรือสตาร์ทเครื่องยนต์ได้

 

การทำงานของระบบ Push Start

เมื่อผู้ใช้รถถือกุญแจ Smart Key เข้าไปในรถ ระบบจะมีการสื่อสารกันระหว่างรถยนต์กับตัวกุญแจ โดยการสื่อสารระบบจะยอมให้ทำงานได้ก็ต้องเป็นกุญแจที่มีการลงทะเบียนไว้ด้วยกันเท่านั้น พูดง่ายๆ คือมันต้องเคยรู้จักกัน เคยทำสัญญากันไว้แล้ว ระบบถึงจะพร้อมทำงาน และหลังจากที่ระบบพร้อมทำงาน เมื่อผู้ใช้รถกดปุ่ม Push Start 1 ครั้ง เทียบเท่ากับการบิดกุญแจไปที่ ACC สามารถเปิดวิทยุฟังเพลงได้ โดยเครื่องยนต์ยังจะยังไม่มีการสตาร์ทเกิดขึ้น

ถ้าหากผู้ใช้รถกดที่ปุ่ม Push Start อีก 1 ครั้ง (เป็นการกดครั้งที่ 2 จากรอบแรก) เทียบเท่ากับการบิดกุญแจไปที่ ON สามารถใช้งานระบบไฟฟ้าของรถได้ เช่น ใช้งานกระจกไฟฟ้าที่ประตูและตรวจเช็คไฟสถานะต่างๆ ได้ที่แผงหน้าปัด และเมื่อผู้ใช้กดปุ่ม Push Start อีกครั้ง (เป็นการกดครั้งที่ 3) โดยมีการเหยียบแป้นเบรคด้วย ก็เทียบเท่ากับการบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์นั่นเอง

 

วิธีการใช้งานปุ่ม Push Start

ในการใช้งานจริงผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ก็จะพกกุญแจ Smart Key ไว้ในกระเป๋ากางเกง พอขึ้นรถระบบก็จะทำการสื่อสารให้อัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้เหยียบแป้นเบรค แล้วกดปุ่ม Push Start เครื่องยนต์ก็จะสตาร์ทให้เลย ซึ่งก็สะดวกดีและก็ไม่ได้มีผลเสียอะไรครับ

แต่………. ถ้าลองนึกถึงวิธีการใช้งานของรถยนต์ทั่วไปที่ใช้กุญแจธรรมดา โดยปกติแล้วก่อนที่เราจะสตาร์ทเครื่องยนต์ การบิดกุญแจไปในตำแหน่งที่ 2 คือ ตำแหน่ง ON ไฟสถานะต่างๆ ที่แผงหน้าปัดก็จะติดขึ้นเพื่อแสดงสถานะให้ผู้ใช้รู้ว่าขณะนี้ระบบใดพร้อมใช้งานบ้าง มีระบบอะไรไม่พร้อมบ้าง ยกตัวอย่าง เช่น ระบบ ABS ปกติไฟสถานะของระบบ ABS จะติดขึ้นหลังจากที่เราบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON และดับลงภายใน 6 วินาที แสดงว่าระบบพร้อมใช้งานแล้ว แต่ถ้าผู้ขับขี่ขึ้นรถมาบิดกุญแจสตาร์ททันที โดยไม่สังเกตสถานะต่างๆ ก็อาจจะไม่รู้ถึงความผิดปกติของรถที่ใช้งานอยู่ได้

ฉะนั้นในการใช้งานปุ่ม Push Start ที่ผู้ผลิตรถเองได้ออกแบบมาไว้ให้ใช้แบบเหมือนจะกั๊กๆ แต่เค้าก็มีจุดประสงค์อย่างที่กล่าวมา ผู้ใช้ที่อยากสบายจะใช้ปุ่ม Push Start แบบสบายๆ ก็ไม่ได้ผิดอะไร ส่วนผู้ที่ชอบเช็คสถานะของระบบต่างๆ ของรถก่อนสตาร์ทก็ไม่ผิดเช่นกัน เอาเป็นว่าแล้วแต่สถานการณ์และความถนัดของแต่ละคนนะครับ

 

เผลอกดปุ่ม Push Start ขณะรถกำลังวิ่ง

เป็นเรื่องที่หลายๆ คนสงสัยและเกิดความกลัวขึ้นมาว่าถ้าขับรถอยู่แล้วบังเอิญไปกดโดนปุ่ม Push Start เข้าให้ จะเกิดอะไรขึ้น… ไม่ต้องสงสัยและกังวลไปครับ เพราะระบบ Pust Start นี้ หากใครไปกดในขณะขับขี่ยังไงรถก็ไม่ดับ ซึ่งก็เป็นระบบป้องกันที่มีมาให้ และแตกต่างจากรถยนต์ที่ใช้กุญแจทั่วไปที่บิดกุญแจขณะที่รถวิ่งอยู่ยังไงก็ดับครับ

 

แบตเตอรี่ของ Smart Key

ในตัวของ Smart Key จะมีแบตเตอรี่อยู่ จะ 1 หรือ 2 ก้อนก็แล้วแต่รุ่นของรถยนต์นั้นๆ ซึ่งแบตเตอรี่นี้จะใช้งานอยู่ 2 ส่วน คือ ใช้ Lock/Unlock ประตูทุกบานโดยการกดที่รีโมทกุญแจรถ อีกส่วนของการใช้งาน คือ ใช้เป็นแหล่งพลังงานในการสื่อสารกับรถยนต์เมื่อเข้าไปภายในรถและจะใช้งานปุ่ม Push Start นั่นเอง

 

แล้วถ้าแบตเตอรี่ Smart Key หมดประจุล่ะ?

หากใช้งานไปแล้วแบตเตอรี่ Smart Key เกิดหมดประจุ เสื่อมสภาพหรือถึงอายุไขของแบตเตอรี่ ก็ไม่ต้องกังวลอะไร เพราะในตัวของกุญแจ Smart Key จะมีกุญแจดอกเล็กเสียบซ่อนอยู่ข้างๆ ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยสังเกตว่ามี แล้วพอเกิดอาการ Lock/Unlock ก็เริ่มวิตกว่าจะเปิดรถได้ยังไง ไอ้เจ้ากุญแจดอกเล็กนี้จะทำหน้าที่เพื่อให้ผู้ใช้รถไขประตูเข้าไปในรถได้ พอเข้ารถได้แล้วเรื่องสตาร์ทรถเพื่อใช้งาน ก็เพียงแค่นำตัวกุญแจ Smart Key เข้าไปทาบใกล้กับปุ่ม Push Start จากนั้นก็เหยียบแป้นเบรคค้างไว้ แล้วกดปุ่มเพื่อสตาร์ทได้เลย เมื่อเครื่องติดวิ่งได้ก็เข้าศูนย์บริการโตโยต้า เพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ของกุญแจ Smart Key ได้เลยครับ

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

เมื่อแบตเตอรี่ Smart Key หมดประจุ ควรซื้อหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ศูนย์บริการโตโยต้าเท่านั้น ไม่แนะนำให้ไปหาซื้อเปลี่ยนเองตามร้านทั่วไปครับ เพราะค่าการจ่ายกระแสหรือค่าการเก็บประจุจะไม่เท่ากัน พอเปลี่ยนมาก็ไม่สามารถใช้งานได้

สุดท้ายนี้ข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นเป็นข้อมูลที่เขียนขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่ใช้งานระบบ Push Start ได้ใช้งานได้อย่างถูกต้อง สบายใจและสะดวกกับการใช้งานระบบ Push Start และหวังว่าจะเป็นข้อมูลให้ทุกท่านได้อ่านเพื่อใช้ประโยชน์ได้นะครับ… ท่านสามารถอ่านบทความเกี่ยวกับรถยนต์ เทคนิคดูแลรถ วิธีการดูแลรถ เคล็ดลับเกี่ยวกับรถยนต์ หรือพูดคุยและสอบถามกับกูรู ช่างรถยนต์ผู้ชำนาญ ของ โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors ครับ……….ช่างเค

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

  • Push Start ถ่านหมดควรทำไงดี ?
  • วิธีการดูแลรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน…
  • คุยกับช่างเค คลิก 
  • คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors

เติมน้ำมันผิด ทำอย่างไรดี!!

เติมน้ำมันผิดประเภท ส่งผลเสียร้ายแรงขนาดไหน!!
หลายๆ คนคงเกิดปัญหาเติมน้ำมันผิดประเภท บ้างก็รู้ตัวไว บ้างก็รู้ตัวช้า หากเมื่อรู้ตัวแล้วก็ควรรีบทำการแก้ไขให้ถูกต้องและทันท่วงที ก่...อ่านต่อ
เติมน้ำมันผิดประเภท ส่งผลเสียร้ายแรงขนาดไหน!!
หลายๆ คนคงเกิดปัญหาเติมน้ำมันผิดประเภท บ้างก็รู้ตัวไว บ้างก็รู้ตัวช้า หากเมื่อรู้ตัวแล้วก็ควรรีบทำการ...อ่านต่อ
Facebook |

“ฝาหม้อน้ำ” ไม่ใช่แค่ฝาสำหรับปิดหม้อน้ำเท่านั้น…เรื่องเล็กๆ แต่อันตรายมหาศาล ไม่ควรมองข้าม!!

อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ แต่…เรื่องไม่เล็ก
“ฝาหม้อน้ำ คือ เป็นส่วนประกอบของรถยนต์ ราคาหลักร้อย ถือเป็นส่วนเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม กว่าจะรู้ตัว เครื่องยนต์ก็ “ร้อน” จนต้องเสียตังค์ค...อ่านต่อ
อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ แต่…เรื่องไม่เล็ก
“ฝาหม้อน้ำ คือ เป็นส่วนประกอบของรถยนต์ ราคาหลักร้อย ถือเป็นส่วนเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม กว่าจะรู้ตัว เครื่อง...อ่านต่อ
Facebook |

รู้ก่อนพัง… ของเหลวในรถยนต์ ควรเปลี่ยนตอนไหน?

ควรเปลี่ยนถ่ายตอนไหน ตรวจสอบอย่างไร?
ของเหลวในรถยนต์ควรเปลี่ยนตอนไหนดี ปกติการดูว่าเราต้องเข้าไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหรือของเหลวตอนไหนส่วนมากจะมีอยู่ในคู่มือการรับประกันจากศูนย์บริก...อ่านต่อ
ควรเปลี่ยนถ่ายตอนไหน ตรวจสอบอย่างไร?
ของเหลวในรถยนต์ควรเปลี่ยนตอนไหนดี ปกติการดูว่าเราต้องเข้าไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหรือของเหลวตอนไหนส่วนมากจะมีอยู่ใน...อ่านต่อ
Facebook |

Push Start ถ่านหมดควรทำไงดี ?

ไปต่อได้หรือต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ?..
เวลาแบตเตอรี่ Push Start เริ่มอ่อนหรือหมดไป อย่าตระหนกไปครับ!! เพราะในตัวของกุญแจ Smart Key มีดอกกุญแจที่เสียบอยู่ข้าง สามารถใช้ไขเข้าไปใน...อ่านต่อ
ไปต่อได้หรือต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ?..
เวลาแบตเตอรี่ Push Start เริ่มอ่อนหรือหมดไป อย่าตระหนกไปครับ!! เพราะในตัวของกุญแจ Smart Key มีดอกกุญแจที่เสี...อ่านต่อ
Facebook |

อาการน้ำแอร์ไหลที่ใต้ท้องรถ เกิดจากอะไร มีแนวทางแก้ปัญหาและตรวจสอบอย่างไร…ไม่ให้รถพัง!!

ปัญหาเล็กๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้
หลายคนสงสัยว่าทำไมเวลาจอดรถนานๆ แล้วสตาร์ทรถยนต์ทำไมถึงมีน้ำไหลออกมาจากใต้ท้องรถ สาเหตุนี้เกิดจาก “แอร์รถยนต์” ปล่อยน้ำทิ้งออกมานั่นเองครับ มาดูกัน...อ่านต่อ
ปัญหาเล็กๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้
หลายคนสงสัยว่าทำไมเวลาจอดรถนานๆ แล้วสตาร์ทรถยนต์ทำไมถึงมีน้ำไหลออกมาจากใต้ท้องรถ สาเหตุนี้เกิดจาก “แอร์รถยนต์” ปล่อยน...อ่านต่อ
Facebook |

รถเหยียบตะปู เจอเหตุการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ควรแก้ไขอย่างไร ควรปะยางแบบไหนดี!!

เปลี่ยนยางเองดีไหมหรือต้องรีบไปหาช่าง
หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์รถโดนตะปูตำที่ยาง ผมถือว่าเป็นสถานการณ์วัดใจก็ว่าได้ครับว่าจะดึงตะปูออกมาดีหรือไม่ ถ้าเจอตะปูขนาดสั้นก็ถือว่าโชคดีไ...อ่านต่อ
เปลี่ยนยางเองดีไหมหรือต้องรีบไปหาช่าง
หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์รถโดนตะปูตำที่ยาง ผมถือว่าเป็นสถานการณ์วัดใจก็ว่าได้ครับว่าจะดึงตะปูออกมาดีหรือไม่ ถ้...อ่านต่อ
Facebook |
  • คุ้มค่า ไม่เอาเปรียบราคา
  • ประกันคุณภาพ ซ่อมเหนือมาตรฐาน
  • บริการด้วยใจ บริการหลังการขาย
  • สิทธิพิเศษ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • YARIS ATIV
  • NEW YARIS
  • VIOS
  • ALTIS
  • C-HR
  • CAMRY
  • GR YARIS
  • GR SUPRA
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • REVO STANDARD CAB
  • REVO SMART CAB
  • REVO DOUBLE CAB
  • HIACE
  • COMMUTER
รถอเนกประสงค์
  • AVANZA
  • SIENTA
  • INNOVA
  • FORTUNER
  • COASTER
  • MAJESTY
  • VELLFIRE
  • ALPHARD
เมนูที่สนใจ
  • สนใจซื้อประกัน
  • สนใจเข้ารับบริการ
  • อยากรู้จัก เค.มอเตอร์ส
  • สนใจร่วมงาน
  • ค้นหาโชว์รูม
  • เค.มอเตอร์ส กูรู
  • เช็กฤกษ์ออกรถ
TOYOTA K.MOTORS TOYOTA’S DEALER

สำนักงานใหญ่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-662-6555
E-mail: customerservice@kmotors.co.th

  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • รถยนต์อเนกประสงค์
  • YARIS ATIV

    เริ่มต้น 539,000 บาท

  • YARIS

    เริ่มต้น 549,000 บาท

  • VIOS

    เริ่มต้น 609,000 บาท

  • COROLLA ALTIS

    เริ่มต้น 839,000 บาท

  • C-HR

    เริ่มต้น 979,000 บาท

  • COROLLA CROSS

    เริ่มต้น 989,000 บาท

  • CAMRY

    เริ่มต้น 1,445,000 บาท

  • GR YARIS

    เริ่มต้น 2,690,000 บาท

  • GR SUPRA

    เริ่มต้น 5,199,000 บาท

  • HILUX REVO STANDARD CAB

    เริ่มต้น 544,000 บาท

  • HILUX REVO SMART CAB

    เริ่มต้น 619,000 บาท

  • HILUX REVO DOUBLE CAB

    เริ่มต้น 699,000 บาท

  • HIACE

    เริ่มต้น 999,000 บาท

  • COMMUTER

    เริ่มต้น 1,269,000 บาท

  • AVANZA

    เริ่มต้น 649,000 บาท

  • SIENTA

    เริ่มต้น 765,000 บาท

  • INNOVA CRYSTA

    เริ่มต้น 1,199,000 บาท

  • FORTUNER

    เริ่มต้น 1,319,000 บาท

  • COASTER

    เริ่มต้น 1,960,000 บาท

  • MAJESTY

    เริ่มต้น 1,709,000

  • VELLFIRE

    เริ่มต้น 3,889,000 บาท

  • ALPHARD

    เริ่มต้น 4,019,000 บาท