Skip to content
  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • Promotions
      โปรโมชั่น
    • Auto Reviews
      รีวิวรถยนต์
    • News & Events
      ข่าวและกิจกรรม
    • K.Motors Privileges
      สิทธิพิเศษ
    • Privacy & Security Policy
      นโยบายความเป็นส่วนตัว
Call Center : 02-662-6555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1//kmotors-guru//2025-05-14//2023//17869 Views108115

+ 2

+ 1

+ 0

  • Facebook iconFacebook
อัพเดท : 18 กรกฎาคม 2561

เคล็ดลับการใช้งาน “ปุ่ม Push Start”  อย่างถูกวิธี

พร้อมเคล็ดลับการใช้งาน…

ปุ่ม Push Start ใช้งานและทำงานอย่างไร?
การใช้งานของปุ่ม Push Start ถือเป็นการอำนวยความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ยุคใหม่ จากเดิมที่ต้องเสียกุญแจก่อนจึงจะสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ แต่ทุกวันนี้ “กด” ปุ๊ป ออกรถได้เลยทันที  แม้หน้าที่หลักคือใช้สตาร์ทรถ แต่ปุ่ม Push Start ยังมีวิธีการทำงานอื่นๆ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ และเทคนิคต่างๆ ที่จะทำให้การขับง่ายขึ้น

วันนี้ช่างเคจะมาบอกกล่าวเล่าเรื่องเกี่ยวกับปุ่ม Push Start พร้อมแนะเคล็ดลับการใช้งานอย่างถูกวิธีให้ครับ… ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับมันก่อนดีกว่าครับ ปุ่ม Push Start คืออะไร? มันก็คือปุ่มกดที่ทำหน้าที่เหมือนๆ กับกุญแจรถทั่วๆ ไป ใช้เปิดระบบภายในรถยนต์ ใช้เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ เพียงแต่เราไม่ต้องหยิบกุญแจขึ้นมาแล้วคลำหาช่องเสียบกุญแจเพื่อบิดสตาร์ทเท่านั้นเอง

 

ระบบของ ปุ่ม Push Start ทำงานยังไง?

ปุ่ม Push Start จะทำงานควบคู่กับกุญแจ Smart Key เป็นการสื่อสารกันระหว่างตัวรถกับ Smart Key ถ้าไม่มี Smart Key ก็ไม่สามารถปลดล็อครถ หรือสตาร์ทเครื่องยนต์ได้

 

การทำงานของระบบ Push Start

เมื่อผู้ใช้รถถือกุญแจ Smart Key เข้าไปในรถ ระบบจะมีการสื่อสารกันระหว่างรถยนต์กับตัวกุญแจ โดยการสื่อสารระบบจะยอมให้ทำงานได้ก็ต้องเป็นกุญแจที่มีการลงทะเบียนไว้ด้วยกันเท่านั้น พูดง่ายๆ คือมันต้องเคยรู้จักกัน เคยทำสัญญากันไว้แล้ว ระบบถึงจะพร้อมทำงาน และหลังจากที่ระบบพร้อมทำงาน เมื่อผู้ใช้รถกดปุ่ม Push Start 1 ครั้ง เทียบเท่ากับการบิดกุญแจไปที่ ACC สามารถเปิดวิทยุฟังเพลงได้ โดยเครื่องยนต์ยังจะยังไม่มีการสตาร์ทเกิดขึ้น

ถ้าหากผู้ใช้รถกดที่ปุ่ม Push Start อีก 1 ครั้ง (เป็นการกดครั้งที่ 2 จากรอบแรก) เทียบเท่ากับการบิดกุญแจไปที่ ON สามารถใช้งานระบบไฟฟ้าของรถได้ เช่น ใช้งานกระจกไฟฟ้าที่ประตูและตรวจเช็คไฟสถานะต่างๆ ได้ที่แผงหน้าปัด และเมื่อผู้ใช้กดปุ่ม Push Start อีกครั้ง (เป็นการกดครั้งที่ 3) โดยมีการเหยียบแป้นเบรคด้วย ก็เทียบเท่ากับการบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์นั่นเอง

 

วิธีการใช้งานปุ่ม Push Start

ในการใช้งานจริงผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ก็จะพกกุญแจ Smart Key ไว้ในกระเป๋ากางเกง พอขึ้นรถระบบก็จะทำการสื่อสารให้อัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้เหยียบแป้นเบรค แล้วกดปุ่ม Push Start เครื่องยนต์ก็จะสตาร์ทให้เลย ซึ่งก็สะดวกดีและก็ไม่ได้มีผลเสียอะไรครับ

แต่………. ถ้าลองนึกถึงวิธีการใช้งานของรถยนต์ทั่วไปที่ใช้กุญแจธรรมดา โดยปกติแล้วก่อนที่เราจะสตาร์ทเครื่องยนต์ การบิดกุญแจไปในตำแหน่งที่ 2 คือ ตำแหน่ง ON ไฟสถานะต่างๆ ที่แผงหน้าปัดก็จะติดขึ้นเพื่อแสดงสถานะให้ผู้ใช้รู้ว่าขณะนี้ระบบใดพร้อมใช้งานบ้าง มีระบบอะไรไม่พร้อมบ้าง ยกตัวอย่าง เช่น ระบบ ABS ปกติไฟสถานะของระบบ ABS จะติดขึ้นหลังจากที่เราบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON และดับลงภายใน 6 วินาที แสดงว่าระบบพร้อมใช้งานแล้ว แต่ถ้าผู้ขับขี่ขึ้นรถมาบิดกุญแจสตาร์ททันที โดยไม่สังเกตสถานะต่างๆ ก็อาจจะไม่รู้ถึงความผิดปกติของรถที่ใช้งานอยู่ได้

ฉะนั้นในการใช้งานปุ่ม Push Start ที่ผู้ผลิตรถเองได้ออกแบบมาไว้ให้ใช้แบบเหมือนจะกั๊กๆ แต่เค้าก็มีจุดประสงค์อย่างที่กล่าวมา ผู้ใช้ที่อยากสบายจะใช้ปุ่ม Push Start แบบสบายๆ ก็ไม่ได้ผิดอะไร ส่วนผู้ที่ชอบเช็คสถานะของระบบต่างๆ ของรถก่อนสตาร์ทก็ไม่ผิดเช่นกัน เอาเป็นว่าแล้วแต่สถานการณ์และความถนัดของแต่ละคนนะครับ

 

เผลอกดปุ่ม Push Start ขณะรถกำลังวิ่ง

เป็นเรื่องที่หลายๆ คนสงสัยและเกิดความกลัวขึ้นมาว่าถ้าขับรถอยู่แล้วบังเอิญไปกดโดนปุ่ม Push Start เข้าให้ จะเกิดอะไรขึ้น… ไม่ต้องสงสัยและกังวลไปครับ เพราะระบบ Pust Start นี้ หากใครไปกดในขณะขับขี่ยังไงรถก็ไม่ดับ ซึ่งก็เป็นระบบป้องกันที่มีมาให้ และแตกต่างจากรถยนต์ที่ใช้กุญแจทั่วไปที่บิดกุญแจขณะที่รถวิ่งอยู่ยังไงก็ดับครับ

 

แบตเตอรี่ของ Smart Key

ในตัวของ Smart Key จะมีแบตเตอรี่อยู่ จะ 1 หรือ 2 ก้อนก็แล้วแต่รุ่นของรถยนต์นั้นๆ ซึ่งแบตเตอรี่นี้จะใช้งานอยู่ 2 ส่วน คือ ใช้ Lock/Unlock ประตูทุกบานโดยการกดที่รีโมทกุญแจรถ อีกส่วนของการใช้งาน คือ ใช้เป็นแหล่งพลังงานในการสื่อสารกับรถยนต์เมื่อเข้าไปภายในรถและจะใช้งานปุ่ม Push Start นั่นเอง

 

แล้วถ้าแบตเตอรี่ Smart Key หมดประจุล่ะ?

หากใช้งานไปแล้วแบตเตอรี่ Smart Key เกิดหมดประจุ เสื่อมสภาพหรือถึงอายุไขของแบตเตอรี่ ก็ไม่ต้องกังวลอะไร เพราะในตัวของกุญแจ Smart Key จะมีกุญแจดอกเล็กเสียบซ่อนอยู่ข้างๆ ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยสังเกตว่ามี แล้วพอเกิดอาการ Lock/Unlock ก็เริ่มวิตกว่าจะเปิดรถได้ยังไง ไอ้เจ้ากุญแจดอกเล็กนี้จะทำหน้าที่เพื่อให้ผู้ใช้รถไขประตูเข้าไปในรถได้ พอเข้ารถได้แล้วเรื่องสตาร์ทรถเพื่อใช้งาน ก็เพียงแค่นำตัวกุญแจ Smart Key เข้าไปทาบใกล้กับปุ่ม Push Start จากนั้นก็เหยียบแป้นเบรคค้างไว้ แล้วกดปุ่มเพื่อสตาร์ทได้เลย เมื่อเครื่องติดวิ่งได้ก็เข้าศูนย์บริการโตโยต้า เพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ของกุญแจ Smart Key ได้เลยครับ

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

เมื่อแบตเตอรี่ Smart Key หมดประจุ ควรซื้อหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ศูนย์บริการโตโยต้าเท่านั้น ไม่แนะนำให้ไปหาซื้อเปลี่ยนเองตามร้านทั่วไปครับ เพราะค่าการจ่ายกระแสหรือค่าการเก็บประจุจะไม่เท่ากัน พอเปลี่ยนมาก็ไม่สามารถใช้งานได้

สุดท้ายนี้ข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นเป็นข้อมูลที่เขียนขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่ใช้งานระบบ Push Start ได้ใช้งานได้อย่างถูกต้อง สบายใจและสะดวกกับการใช้งานระบบ Push Start และหวังว่าจะเป็นข้อมูลให้ทุกท่านได้อ่านเพื่อใช้ประโยชน์ได้นะครับ… ท่านสามารถอ่านบทความเกี่ยวกับรถยนต์ เทคนิคดูแลรถ วิธีการดูแลรถ เคล็ดลับเกี่ยวกับรถยนต์ หรือพูดคุยและสอบถามกับกูรู ช่างรถยนต์ผู้ชำนาญ ของ โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors ครับ……….ช่างเค

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

  • Push Start ถ่านหมดควรทำไงดี ?
  • วิธีการดูแลรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน…
  • คุยกับช่างเค คลิก 
  • คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors
63220:23783 Views35772

เติมน้ำมัน 95 แล้วเติม 91 ผสมน้ำมันเดิมได้ไหม?

เติมน้ำมันผสมกันส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์…
การเติมน้ำมันผสมหรือสลับกันได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรถยนต์แต่ละคัน ซึ่งสามารถดูได้ขากคู่มือรถยนต์นั้นๆ การเติมน้ำมันผสมหรือสลั...อ่านต่อ
เติมน้ำมันผสมกันส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์…
การเติมน้ำมันผสมหรือสลับกันได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรถยนต์แต่ละคัน ซึ่งสามารถดูได้ขากคู่มือรถยนต...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
63974:21920 Views29772

EGR คืออะไร และการอุด EGR มีผลอย่างไรกับรถยนต์บ้าง

มีข้อดี ข้อเสียกับรถอย่างไรบ้าง…
EGR (Exhaust Gas Recirculation) คือ เป็นระบบที่นำไอเสียที่ผ่านการเผาไหม้จากห้องจุดระเบิดมาแล้ว หมุนเวียนกลับมาเข้าที่ห้องจุดระเบิดใหม่เพื่...อ่านต่อ
มีข้อดี ข้อเสียกับรถอย่างไรบ้าง…
EGR (Exhaust Gas Recirculation) คือ เป็นระบบที่นำไอเสียที่ผ่านการเผาไหม้จากห้องจุดระเบิดมาแล้ว หมุนเวียนกลับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
63478:18907 Views10228

บูชคันเกียร์ต้องกี่กิโลเมตร ถึงต้องเปลี่ยน??

สังเกตได้อย่างไรว่าต้องเปลี่ยนแล้ว….
บูชคันเกียร์ คืออะไร บูชเกียร์คืออุปกรณ์ที่ช่วยล็อกให้เกียร์อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งหากบูชเกียร์มีลักษณะแตก หรือหลวม ก็จะทำให้เกิด...อ่านต่อ
สังเกตได้อย่างไรว่าต้องเปลี่ยนแล้ว….
บูชคันเกียร์ คืออะไร บูชเกียร์คืออุปกรณ์ที่ช่วยล็อกให้เกียร์อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งหากบูชเกียร์มีลั...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
69336:15989 Views6652

ไฟเตือนน้ำมันโชว์ ขับต่อได้อีกกี่กิโลโมตร ?

แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์เค...อ่านต่อ
แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
66764:18605 Views6215

ใช้เกียร์ S ตอนไหนดี ให้เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด..

เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ช่วยควบคุมกา...อ่านต่อ
เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
63439:12569 Views5643

สัญลักษณ์ เกียร์ออโต้ ที่ต้องรู้!

เติมน้ำมันผสมกันส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์…
มาทำความรู้จักกับเกียร์ออโต้ (Auto) ว่าเกียร์ไหนมีความหมายอย่างไรบ้าง และใช้งานยังไงเหมาะสำหรับใช้ในสถานการณ์ไหน พร้อมแนะนำเทคน...อ่านต่อ
เติมน้ำมันผสมกันส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์…
มาทำความรู้จักกับเกียร์ออโต้ (Auto) ว่าเกียร์ไหนมีความหมายอย่างไรบ้าง และใช้งานยังไงเหมาะสำหรับใช...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
  • คุ้มค่า ไม่เอาเปรียบราคา
  • ประกันคุณภาพ ซ่อมเหนือมาตรฐาน
  • บริการด้วยใจ บริการหลังการขาย
  • สิทธิพิเศษ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • YARIS ATIV
  • YARIS
  • YARIS CROSS
  • COROLLA ALTIS
  • COROLLA CROSS
  • CAMRY
  • BZ4X
  • GR 86
  • GR YARIS
  • GR COROLLA
  • GR SUPRA
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • HILUX CHAMP
  • REVO STANDARD CAB
  • REVO SMART CAB
  • REVO DOUBLE CAB
  • HIACE
  • COMMUTER
  • MAJESTY
รถอเนกประสงค์
  • VELOZ
  • FORTUNER
  • INNOVA
  • COASTER
  • ALPHARD
เมนูที่สนใจ
  • สนใจซื้อประกัน
  • สนใจเข้ารับบริการ
  • สนใจร่วมงานกับเรา
  • อยากรู้จัก เค.มอเตอร์ส
  • ค้นหาโชว์รูม
  • เค.มอเตอร์ส กูรู
  • เช็กฤกษ์ออกรถ
TOYOTA K.MOTORS TOYOTA’S DEALER

สำนักงานใหญ่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-662-6555
E-mail: customerservice@kmotors.co.th

  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • รถยนต์อเนกประสงค์
  • YARIS ATIV

    เริ่มต้น 549,000 บาท

  • YARIS

    เริ่มต้น 559,000 บาท

  • YARIS CROSS

    เริ่มต้น 789,000 บาท

  • COROLLA ALTIS

    เริ่มต้น 894,000 บาท

  • COROLLA CROSS

    เริ่มต้น 999,000 บาท

  • CAMRY

    เริ่มต้น 1,455,000 บาท

  • BZ4X

    เริ่มต้น 1,836,000 บาท

  • GR 86

    เริ่มต้น 2,949,000 บาท

  • GR YARIS

    เริ่มต้น 3,499,000 บาท

  • GR COROLLA

    เริ่มต้น 4,199,000 บาท

  • GR SUPRA

    เริ่มต้น 5,199,000 บาท

  • HILUX CHAMP

    เริ่มต้นที่ 459,000 บาท

  • REVO STANDARD CAB

    เริ่มต้น 584,000 บาท

  • REVO SMART CAB

    เริ่มต้น 669,000 บาท

  • REVO DOUBLE CAB

    เริ่มต้น 744,000 บาท

  • HIACE

    เริ่มต้น 1,019,000 บาท

  • COMMUTER

    เริ่มต้น 1,289,000 บาท

  • MAJESTY

    เริ่มต้น 1,989,000 บาท

  • VELOZ

    เริ่มต้น 795,000 บาท

  • FORTUNER

    เริ่มต้น 1,239,000 บาท

  • INNOVA ZENIX

    เริ่มต้น 1,379,000 บาท

  • COASTER

    เริ่มต้น 1,960,000 บาท

  • ALPHARD

    เริ่มต้น 4,129,000 บาท