จอดรถไว้ที่บ้าน ไม่ดึงเบรกมือ ค้างเกียร์ไว้ ส่งผลเสียหายไหม อย่างไร?
ทำอย่างไร
เพื่อถนอมเกียร์และเป็นการจอดที่ถูกต้อง…
การจอดรถไว้ที่บ้าน ไม่ดึงเบรกมือ แต่เข้าเกียร์ค้างไว้ กรณีจอดบนทางลาดชันจะมีผลเสียทำให้อายุการใช้งานของยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์สั้นลง และในรถเกียร์ธรรมดารถอาจจะไหลลงที่ต่ำได้ สิ่งที่ควรทำในรถเกียร์อัตโนมัติ คือให้ดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ P
คงจะมีหลายคนที่ชอบจอดรถเอาไว้โดยเข้าเกียร์ค้างไว้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อรถได้ โดยมีปัจจัยที่ทำให้เกิดผลเสียดังต่อไปนี้ …
รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ
การเข้าเกียร์ P ไว้โดยไม่ดึงเบรกมือ กรณีจอดบนพื้นที่ลาดเอียง ยิ่งเอียงมากยิ่งมีผลกระทบมากขึ้นเท่านั้น กรณีที่พื้นมีความลาดเอียง รถจะมีการเคลื่อนตัวหรือไหลไปในทิศทางที่ลาดต่ำกว่า และจะถูกชุดกลไกล็อกเกียร์ P ดึงรั้งไว้ เพื่อไม่ให้รถเคลื่อนตัวหรือไหลไปได้ ซึ่งกลไกเกียร์ P จะรับน้ำหนักของรถเอาไว้ทั้งหมด โดยน้ำหนักรถที่ไหลลงจะส่งผ่านจากล้อผ่านเพลาขับสำหรับขับเคลื่อนล้อหน้าหรือเพลากลางในรถขับเคลื่อนล้อหลัง ผ่านเข้าไปในชุดกลไกเกียร์และถูกล็อกด้วยกลไกเกียร์ P ทำให้น้ำหนักของรถส่งผ่านไปที่ยางแท่นเครื่องยางแท่นเกียร์ ส่งผลให้ยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ต้องรับน้ำหนักรถเอาไว้ จนยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์เกิดการเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติได้ สิ่งที่ควรทำเมื่อต้องจอดทางลาดเอียง ช่างเคแนะนำให้ดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ P เอาไว้จะปลอดภัยมากกว่าครับ
กรณีที่จอดบนพื้นราบ ผลกระทบจะน้อยกว่าการจอดบนทางลาดเอียง เนื่องจากน้ำหนักของรถไม่ได้ไปดึงให้รถไหลลง เกียร์ P จึงไม่ได้รับภาระน้ำหนักของรถ แต่ถ้ามีรถมาชน กรณีที่ไม่ได้ดึงเบรกมือไว้ จะได้รับแรงจากการชนเต็มๆ โดยไม่มีเบรกมือมาช่วยเบรกรถเอาไว้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายได้ง่ายกว่าการจอดเกียร์ P และดึงเบรกมือเอาไว้ สิ่งที่ควรทำคือ กรณีจอดในที่เสี่ยงถูกชน ให้เข้าเกียร์ N และดึงเบรกมือไว้จะปลอดภัยกว่า
รถยนต์เกียร์ธรรมดา
เช่น เข้าเกียร์ 1 หรือเข้าเกียร์ R (ถอย) เอาไว้ โดยไม่ดึงเบรกมือ กรณีจอดบนพื้นที่ลาดเอียงยิ่งเอียงมากยิ่งมีผลกระทบมาก เนื่องจากจะมีการเคลื่อนตัวหรือไหลไปในทิศทางที่ลาดต่ำกว่า จะถูกชุดกลไกเกียร์เพลาข้อเหวี่ยงและแรงต้านจากการเคลื่อนที่แรงดันในห้องเผาไหม้กับลูกสูบ ดึงรั้งเอาไว้ เพื่อไม่ให้รถเคลื่อนตัวหรือไหลไปได้ ซึ่งกลไกเกียร์และแรงต้านการเคลื่อนตัวของลูกสูบจะต้านน้ำหนักของรถเอาไว้ทั้งหมด โดยน้ำหนักรถที่ไหลลงจะส่งผ่านจากล้อ เพลาขับ สำหรับขับเคลื่อนล้อหน้าหรือเพลากลางในรถขับเคลื่อนล้อหลังผ่านเข้าไปในชุดกลไกเกียร์ แต่ก็จะถูกแรงต้านจากกลไกเฟืองเกียร์ ทำให้น้ำหนักของรถส่งผ่านไปที่ยางแท่นเครื่องยางแท่นเกียร์ ส่งผลให้ยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ต้องรับน้ำหนักรถเอาไว้ ผลเสียคือ ทำให้ยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น และในกรณีที่ทางมีความชันมากๆ หรือรถที่มีน้ำหนักมากๆ จะทำให้แรงในการไหลลงทางลาชันมีมากจนขับเฟืองเกียร์ให้เพลาข้อเหวี่ยงหมุนเอาชนะแรงต้านของแรงดันในห้องเผาไหม้กับลูกสูบได้ ทำให้รถค่อยๆ ไหลลงสู่ที่ต่ำได้เอง สิ่งที่ควรทำกรณีจอดรถในที่ลาดชัน คือ ให้ดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ 1 หรือ เกียร์ R เอาไว้จะปลอดภัยมากกว่า
กรณีจอดบนพื้นราบเรียบผลกระทบจะน้อยกว่า เนื่องจากน้ำหนักของรถไม่ได้ไปดึงให้รถไหลลงเหมือนจอดบนพื้นที่ลาดเอียงการเข้าเกียร์โดยไม่ดึงเบรกมือจึงไม่ได้รับภาระน้ำหนักของรถ แต่ถ้ามีรถมาชนกรณีที่ไม่ได้ดึงเบรกมือเอาไว้ เกียร์จะรับแรงจากการชนเต็มๆ โดยไม่มีเบรกมือมาช่วยเบรกรถเอาไว้ ผลเสียคือ เกิดความเสียหายกับเฟืองเกียร์ได้ง่ายกว่าการดึงเบรกมือและจอดเข้าเกียร์เอาไว้ สิ่งที่ควรทำกรณีจอดในที่เสี่ยง ถูกชน คือ ควรดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ว่าง เอาไว้จะปลอดภัยมากกว่า
การจอดรถไว้ที่บ้าน ไม่ดึงเบรกมือ แต่เข้าเกียร์ค้างไว้ กรณีจอดบนทางลาดชันจะมีผลเสียทำให้อายุการใช้งานของยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์สั้นลง และในรถเกียร์ธรรมดารถอาจจะไหลลงที่ต่ำได้ สิ่งที่ควรทำในรถเกียร์อัตโนมัติ คือให้ดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ P ในรถเกียร์ธรรมดาให้ดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ 1 หรือเกียร์ R (ถอย) กรณีจอดพื้นที่ราบที่มีความเสี่ยงในการถูกชนมีผลเสียทำให้กลไกเกียร์ P ในเกียร์อัตโนมัติ ชุดเฟืองเกียร์ 1 หรือเกียร์ R (ถอย) เกิดความเสียหาย สิ่งที่ควรทำให้เข้าเกียร์ N เกียร์ว่าง และดึงเบรกมือเอาไว้จะลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้มากกว่าครับ
เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ
- แบตเตอรี่ Smart Key หมด ทำอย่างไร
- สัญลักษณ์สามเหลี่ยม บนแก้มยางมีประโยชน์อย่างไร
- ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เรื่องอื่นๆ
- คุยกับช่างเค คลิก
- คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors















