เกียร์ S และเกียร์ M ต่างกันอย่างไร?
ใช้งานยังไง
ใช้ในสถานการณ์ไหนดีที่สุด…
เกียร์ S = Sport เป็นกียร์แบบ Sport ที่มีเอาไว้สำหรับเร่งแซง หรือใช้ในช่วงเวลาที่รีบเร่ง ส่วนเกียร์ S ที่มีสัญลักษณ์ (+) และ ( – ) จะเป็นเกียร์อัตโนมัติที่สามารเปลี่ยนเกียร์เองโดยผู้ขับขี่เหมือนกับรถเกียร์ธรรมดา ส่วนเกียร์ M = Manuel คือ ระบบเกียร์อัตโนมัติที่สามารเปลี่ยนเกียร์เองโดยผู้ขับขี่เหมือนกับรถเกียร์ธรรมดา
มาทำความเข้าใจกันว่า เกียร์ S และ เกียร์ M ต่างกัน หรือไม่ต่างกัน ยังไงบ้าง ?
เกียร์ S ( Sport ) มีอยู่ 2 แบบ ในการควบคุมการทำงาน
1. แบบที่เป็นเกียร์ S ไม่มีสัญลักษณ์ +/- แบบนี้จะใช้กล่อง ECU ในการควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งยังคงเปลี่ยนเกียร์ขึ้นหรือลงตามสภาวะการขับขี่ของคนขับแบบอัตโนมัติ แต่ช่วงระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์แต่ละเกียร์จะช้าลง รอบเครื่องยนต์ในการเปลี่ยนเกียร์จะสูงกว่าตำแหน่งเกียร์ D ทำให้รถมีอัตราเร่งที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับตำแหน่งเกียร์ D ใช้สำหรับเร่งแซงหรือขับขี่แบบ Sport ในกรณีที่เร่งรีบ แต่จะสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าตำแหน่งเกียร์ D
2. แบบที่เป็นเกียร์ S มีสัญลักษณ์ +/- จะทำงานเหมือนกับขับรถเกียร์ธรรมดาที่ต้องทำการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น/ลง เองโดยผู้ขับขี่ว่าจะต้องเพิ่มเกียร์หรือลดเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็วรถและสภาพถนน โดยสัญลักษณ์ +/- นี้จะมีทั้งแบบที่อยู่บริเวณแผงคันเกียร์ ด้านหน้ารถจะเป็นสัญลักษณ์ + ด้านหลังจะเป็น สัญลักษณ์ – เมื่อผลักคันเกียร์ไปด้านหน้ารถ (+) จะเป็นการเพิ่มเกียร์ทีขึ้นทีละเกียร์ 1-2-3-4-5-6 ตามจำนวนอตราทดเกียร์รุ่นนั้นที่มี และถ้าผลักคันเกียร์ไปด้านหลังรถ (-) จะเป็นการลดเกียร์ลงทีละเกียร์ 6-5-4-3-2-1 ตามจำนวนอัตราทดเกียร์รุ่นนั้น ในรถบางรุ่นจะมี Paddle Shift หรือสวิตช์เปลี่ยนเกียร์เอาไว้ที่พวงมาลัยด้วย หรือมีอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีทั้งที่แผงคันเกียร์และที่พวงมาลัย สวิตช์ด้านขวาของพวงมาลัยจะเป็น (+) เพิ่มเกียร์ ด้านซ้ายของพวงมาลัยจะเป็น (-) ลดเกียร์ ซึ่งทั้ง 2 แบบจะมีตำแหน่งเกียร์แสดงที่หน้าปัด จะเป็น S6-S5-S4-S3-S2-S1 ตามตำแหน่งเกียร์ที่ขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่ทราบเพื่อเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็วรถและสภาวะในการขับขี่ โดยเมื่อผลักคันเกียร์จากเกียร์ D มาที่เกียร์ S + / – ระบบควบคุมเกียร์อัตโนมัติจะควบคุมให้อัตราทดเกียร์อยู่ในตำแหน่งเกียร์ 4 ไม่ว่ากรณีจอดอยู่กับที่หรือในขณะที่ขับอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดอาการหัวทิ่ม
ดังนั้นควรใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเปลี่ยนจากเกียร์ D มาที่เกียร์ S + / – ซึ่งมีไว้ใช้สำหรับขับเร่งแซง หรือใช้ในเวลาเร่งรีบ หรือเมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์เองโดยผู้ขับขี่ที่ต้องการความรู้สึกเหมือนกับขับรถเกียร์ธรรมดา และที่สำคัญเอาไว้ใช้สำหรับขับขึ้น/ลงทางชัน การกินน้ำมันจะมีมากกว่าเกียร์ D ยิ่งเปลี่ยนเกียร์ไม่สัมพันธ์กับความเร็วก็จะยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น
เกียร์ M (Manuel)
เกียร์ M จะมีสัญลักษณ์ +/- ควบคู่เสมอ ทั้งแบบที่อยู่ที่บริเวณแผงคันเข้าเกียร์ หรือมี Paddle Shift หรือสวิตช์เปลี่ยนเกียร์เอาไว้ที่พวงมาลัยอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง 2 ตำแหน่ง การทำงานจะเหมือนกันกับเกียร์ S มีที่สัญลักษณ์ +/- ทุกประการ คือใช้สำหรับขับเร่งแซง หรือใช้ในเวลาเร่งรีบหรือเมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์เองโดยผู้ขับขี่ที่ต้องการความรู้สึกเหมือนกับขับรถเกียร์ธรรมดา และที่สำคัญเอาไว้ใช้สำหรับขับขึ้น/ลงทางชัน การกินน้ำมันจะมีมากกว่าเกียร์ D ยิ่งเปลี่ยนเกียร์ไม่สัมพันธ์กับความเร็วก็จะยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น
ดังนั้นเกียร์ S+/- และเกียร์ M จะไม่มีความแตกต่างกันในการใช้งานคือสามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้น/ลง โดยผู้ขับขี่เป็นผู้ควบคุม ส่วนเกียร์ S ที่ไม่มีสัญลักษณ์ +/- จะไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้น/ลงโดยคนขับขี่ได้ ECU ควบคุมระบบเกียร์อัตโนมัติจะยังทำหน้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น/ลงอยู่ เพียงแค่เปลี่ยนเกียร์ช้าลงหรือเปลี่ยนที่รอบสูงขึ้นเท่านั้นครับ
เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ
- แบตเตอรี่ Smart Key หมด ทำอย่างไร
- สัญลักษณ์สามเหลี่ยม บนแก้มยางมีประโยชน์อย่างไร
- ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เรื่องอื่นๆ
- คุยกับช่างเค คลิก
- คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors















