เกียร์ B กับ เกียร์ S อันไหนใช้ขึ้นเขาได้ดีกว่ากัน ใช้ต่างกันอย่างไร ?
ใช้เกียร์ไหน
ดีที่สุด เวลาขับรถขึ้นเขา…
ก่อนที่จะตัดสินว่าเกียร์ B กับเกียร์ S อันไหนใช้ขับขึ้นเขาได้ดีกว่ากันนั้น ไปดูหน้าที่และการทำงานของเกียร์ B กับเกียร์ S กันก่อนว่ามีหน้าที่และการทำงานอย่างไร?
เกียร์ B (Brake) ในรถเกียร์อัตโนมัติ
เกียร์ B คือเกียร์ที่มีอัตราทดสูงสุดที่มีในรถคันนั้น ถ้าเปรียบกับเกียร์อัตโนมัติในรถรุ่นอื่นที่ไม่มีเกียร์ B ก็จะเหมือนกับเกียร์ L หรือเกียร์ D1 เกียร์ M1 เกียร์ S1 หรือหากจะเปรียบเทียบกับรถเกียร์ธรรมดาก็คือเกียร์ 1 เกียร์ B จะเป็นเกียร์ที่มีอัตราทดเพียงอัตราทดเดียว ไม่ว่าจะเหยียบคันเร่งหรือรอบเครื่องยนต์สูงเท่าไหร่ก็ตาม เกียร์จะไม่เปลี่ยนขึ้น และด้วยอัตราทดที่สูงก็จะทำให้มีแรงบิดหรือแรงฉุดลากสูงสุด และยังมีแรงเบรกสูงสุดเวลาที่ผ่อนคันเร่งหรือเวลาขับลงเขาด้วยเช่นกัน
เกียร์ S (Sport) ในรถเกียร์อัตโนมัติ
เกียร์ S ในรถเกียร์อัตโนมัติ ที่มาคู่กันกับเกียร์ B จะเป็นเกียร์ S ที่ไม่สามารถเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ขึ้นลงเองโดยผู้ขับขี่ได้เหมือนเกียร์อัตโนมัติตำแหน่งเกียร์ S ที่มีสัญลักษณ์ +/- ที่ผู้ขับขี่จะต้องเปลี่ยนเกียร์ขึ้นหรือลงเอง เพื่อให้เหมาะสมกับความเร็วรถหรือตามสภาวะการขับขี่ เกียร์ S ในรถเกียร์อัตโนมัติ ที่มาคู่กันกับเกียร์ B จะทำงานเหมือนตำแหน่งเกียร์ D คือ เปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลง อัตโนมัติ เหมือนเกียร์ D ตามจำนวนอัตราทดเกียร์ที่มี เช่น เกียร์อัตโนมัต 6 Speed เปลี่ยนขึ้น 1-2-3-4-5-6 หรือเปลี่ยนลง 6-5-4-3-2-1 โดยจะขึ้นอยู่กับสภาพถนนขึ้นเขา ลงเขา หรือทางราบ ตำแหน่งแป้นคันเร่งความเร็วรถ ECU หรือระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ก็จะคำนวณและทำการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมตามสภาวะการทำงาน แต่สิ่งที่เกียร์ S มีความแตกต่างไปจากเกียร์ D คือ เกียร์ S จะเปลี่ยนเกียร์ในแต่ละเกียร์ช้ากว่าเกียร์ D คือรอบเครื่องยนต์ในการเปลี่ยนเกียร์ของเกียร์ S จะใช้รอบเครื่องยนต์สูงกว่า เมื่อเทียบกับเกียร์ D ดังนั้นจึงทำให้ในตำแหน่งเกียร์ S ใช้ในการขับเคลื่อนรถไปข้างหน้าได้เร็วกว่า ตอบสนองต่อคันเร่งได้ดีกว่า ให้กำลังในการฉุดลากได้ดีกว่าเกียร์ S จึงเหมาะกับการใช้เร่งแซง หรือใช้ขับขี่ในเวลาที่เร่งรีบหรือขับขึ้นเขา
ดังนั้นกับคำถามที่ว่าเกียร์ B กับเกียร์ S อันไหนใช้ขึ้นเขาได้ดีกว่ากัน ใช้ต่างกันอย่างไร เกียร์ S (Sport) ช่วยให้เครื่องยนต์ลากรอบได้สูงขึ้น ทำให้มีกำลังและอัตราเร่งที่ดีกว่าเกียร์ B ดังนั้นเกียร์ S นอกจากจะใช้เร่งแซงได้ดีแล้วเกียร์ยังใช้ขึ้นลางลาดชันหรือขึ้นเขาได้ดีกว่าเกียร์ B และอัตราทดของเกียร์ S สามารถเปลี่ยนขึ้นลงเหมือนกับเกียร์ D ตามจำนวนอัตราทดเกียร์ที่มีในรถรุ่นนั้นจึงไม่เหมาะกับการขับลงเขา ส่วนเกียร์ B (Brake) จะมีอัตราทดเดียวเหมือนเกียร์ 1 ในรถเกียร์ธรรมดา ดังนั้นเกียร์ B จึงเหมาะกับการใช้ขับลงเขาที่มีความลาดชันมากๆใช้เพื่อช่วยหน่วงความเร็วรถโดยการใช้แรงต้านของเครื่องยนต์ (Engine Brake) เพื่อลดการใช้เบรกไม่ต้องเหยียบเบรกมากเกินไป ลดความร้อนสะสมของเบรก ซึ่งหากเบรกร้อนจัดจะทำให้เบรกไม่อยู่หรือที่เรียกว่าเบรกเฟด ( Brake Fed ) ครับ
สรุปแล้วเกียร์ S ใช้ขึ้นเขาได้ดีกว่าเกียร์ B ส่วนเกียร์ B ใช้ขับลงเขาที่มีความชันมากๆ ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เกียร์ B เพื่อให้เกิด Engine Brake ลดการเหยียบเบรกเวลาขับลงเขาต่อเนื่องนานๆ เพื่อความปลอดภัยและเบรกเสียหายจากความร้อนครับ
เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ
- แบตเตอรี่ Smart Key หมด ทำอย่างไร
- สัญลักษณ์สามเหลี่ยม บนแก้มยางมีประโยชน์อย่างไร
- ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เรื่องอื่นๆ
- คุยกับช่างเค คลิก
- คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors















