Skip to content
  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • Promotions
      โปรโมชั่น
    • Auto Reviews
      รีวิวรถยนต์
    • News & Events
      ข่าวและกิจกรรม
    • K.Motors Privileges
      สิทธิพิเศษ
    • Privacy & Security Policy
      นโยบายความเป็นส่วนตัว
Call Center : 02-662-6555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1//kmotors-guru//2025-06-20//2023//11239 Views42

+ 2

+ 1

+ 0

  • Facebook iconFacebook
อัพเดท : 19 พฤษภาคม 2568

Diff Lock คืออะไร ใช้อย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพ

ทำงานอย่างไร

แต่ละแบบใช้งานแตกต่างกันอย่างไร…
Diff-Lock คือระบบล็อกเฟืองท้าย ซึ่งส่วนมากจะติดตั้งอยูกับรถขับเคลื่อนสี่ล้อโดยจะติดตั้งอยู่ที่ชุดเฟืองท้ายหลังเป็นหลัก แต่ในรถบางรุ่นก็จะมีการติดตั้ง Diff-Lock เพิ่มเข้าไปที่เฟืองท้ายหน้า เพื่อใช้งานในทางออฟโรดที่ยากลำบาก เมื่อระบบ Diff-Lock ทำงานระบบล็อกเฟืองท้ายจะบังคับให้ล้อทั้งหมดหมุนด้วยความเร็วเท่ากัน

        โดยส่งกำลังไปที่ล้อด้านซ้ายและด้านขวาแบบ 50:50 โดยไม่คำนึงถึงแรงยึดเกาะ ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่ขับที่บนถนนที่ยากลำบาก เช่นบนทางออฟโรด ถ้าล้อด้านใดด้านหนึ่งลอยจากพื้น ล้อด้านที่ลอยก็จะหมุนฟรี ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้ แต่ถ้าเปิดให้ระบบ Diff-Lock ทำงาน จากที่แรงขับเคลื่อนอยู่ที่ล้อที่หมุนฟรี 100 % ก็จะถูกแบ่งไปที่ล้อตรงข้าม 50 % ทำให้ส่งกำลังไปที่ล้อด้านซ้ายและด้านขวาเป็นแบบ 50:50 โดยไม่คำนึงถึงแรงยึดเกาะ ก็จะทำให้มีแรงปีนป่ายให้รถเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการได้

 

ประเภทการทำงานของ Diff-Lock

1. แบบทำงานอัตโนมัติ ( Auto Diff Lock) แบบนี้จะมีเป็นชุดกลไกล้วน ๆที่อยู่ภายในชุดเฟืองท้าย เมื่อล้อด้านซ้ายหรือด้านขวาสูญเสียแรงยึดเกาะ (หมุนฟรี) ระบบล็อกเฟืองท้ายอัตโนมัติจะทำงานโดยอัตโนมัติ กลไกจะทำงานและทำการล็อกเพลาด้านซ้ายและด้านขวาให้ส่งกำลังเป็นแบบ 50:50 ทำให้ล้อทั้งสองข้างหมุนไปพร้อมกัน และระบบล็อกเฟืองท้ายจะปลดล็อก เมื่อได้แรงยึดเกาะ (หยุดหมุนฟรี) คืนมา

2. แบบทำงานด้วยแรงดันลม (Air Locker) ใช้แรงดันลมในการดันสลักให้ชุดเฟืองท้ายล็อก เพื่อให้เพลาด้านซ้ายและด้านขวาให้ส่งกำลังเป็นแบบ 50:50 ทำให้ล้อทั้งสองข้างหมุนไปพร้อมกัน โดยคนขับจะต้องทำการกดสวิตช์เพื่อไปควบคุมการเปิดแรงดันลม เมื่อต้องการเปิดให้ Diff-Lock ทำงานและกดปิดสวิตช์เมื่อไม่ได้ใช้งาน

3. แบบใช้สายสลิงไปดึงให้กลไก Diff-Lock ทำงาน หรือและปลดเมื่อไม่ใช้งาน

4. แบบทำงานด้วยไฟฟ้า (Electronic Differntial Lock) แบบนี้จะใช้แอ็คคูเอเตอร์มอเตอร์หรือขดลวดสนามแม่เหล็กในการไปทำให้กลไก Diff-Lock ทำงาน โดยคนขับเพียงแค่กดสวิตช์เปิดเมื่อต้องการให้ทำงานและกดปิดเมื่อไม่ใช้งาน ซึ่งปัจจุบันจะนิยมใช้แบบไฟฟ้าในการควบคุม Diff-Lock

 

การใช้งานระบบ Diff-Lock

         Diff-Lock จะใช้งานได้เมื่อระบบขับเคลื่อนอยู่ในตำแหน่งขับเคลื่อน 4 ล้อ ความเร็วต่ำ (L4) เท่านั้น และควรใช้งานในกรณีที่จำเป็น เช่น ในการขับในเส้นทางที่ลื่นมากๆ หรือลุยในเส้นทางต่างระดับที่ทำให้ล้อแขวน หรือล้อใดล้อหนึ่งลอยขึ้น และต้องวิ่งด้วยความเร็วต่ำ ไม่ควรเกิน 30 กม./ชม หลังจากผ่านอุปสรรค์ได้แล้ว ให้เราหยุดใช้ Diff-Lock ทันที เพราะหากเราเปิดทิ้งไว้ จะทำให้รถเลี้ยวได้ยากมากและจะมีวงเลี้ยวกว้างกว่าปกติ หรือทำให้ล้อขืนในขณะเข้าโค้ง ยากต่อการควบคุมรถ และระบบอาจเกิดความเสียหายได้ หากวิ่งด้วยความเร็วสูง
โดยสรุป Diff-Lock คือระบบที่มีอยู่ในรถขับเคลื่อนสี่ล้อมีไว้สำหรับล็อกเฟืองท้าย โดยจะติดตั้งอยู่กับรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่เฟืองท้ายหลังเป็นหลัก แต่ในรถบางรุ่นก็จะมีการติดตั้ง Diff-Lock เพิ่มเข้าไปที่เฟืองท้ายหน้าด้วย จุดประสงค์เพื่อใช้ล็อกเฟืองท้าย กรณีรถติดหล่มล้อแขวนหรือล้อลอย ให้สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ ปัจจุบันในรถโตโยต้าจะติดตั้ง Diff-Lock แบบไฟฟ้า แบบติดตั้งที่ชุดเฟืองท้ายหลัง อยู่ในรถรุ่นฟอร์จูนเนอร์และรุ่นรีโว่ ที่เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ

 

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

  • แบตเตอรี่ Smart Key หมด ทำอย่างไร
  • สัญลักษณ์สามเหลี่ยม บนแก้มยางมีประโยชน์อย่างไร
  • ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เรื่องอื่นๆ
  • คุยกับช่างเค คลิก 
  • คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors
63974:22718 Views30892

EGR คืออะไร และการอุด EGR มีผลอย่างไรกับรถยนต์บ้าง

มีข้อดี ข้อเสียกับรถอย่างไรบ้าง…
EGR (Exhaust Gas Recirculation) คือ เป็นระบบที่นำไอเสียที่ผ่านการเผาไหม้จากห้องจุดระเบิดมาแล้ว หมุนเวียนกลับมาเข้าที่ห้องจุดระเบิดใหม่เพื่...อ่านต่อ
มีข้อดี ข้อเสียกับรถอย่างไรบ้าง…
EGR (Exhaust Gas Recirculation) คือ เป็นระบบที่นำไอเสียที่ผ่านการเผาไหม้จากห้องจุดระเบิดมาแล้ว หมุนเวียนกลับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
69336:16625 Views7377

ไฟเตือนน้ำมันโชว์ ขับต่อได้อีกกี่กิโลโมตร ?

แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์เค...อ่านต่อ
แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
66764:18931 Views6478

ใช้เกียร์ S ตอนไหนดี ให้เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด..

เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ช่วยควบคุมกา...อ่านต่อ
เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
64767:9618 Views5237

วิธีการใช้งานเกียร์ออโต้ แต่ละโหมด ใช้งานอย่างไรให้เหมาะสม ?

เดินทางแบบไหน ใช้โหมดการขับที่อย่างไร…
รถยนต์เกียร์ออโต้จะมีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้งานกันแล้วแต่ละรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบด้วย 3 โหมด คือ Eco mode, Power mode, Sport mod...อ่านต่อ
เดินทางแบบไหน ใช้โหมดการขับที่อย่างไร…
รถยนต์เกียร์ออโต้จะมีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้งานกันแล้วแต่ละรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบด้วย 3 โหมด คือ E...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
72676:14761 Views5061

วิธีเข้าเกียร์ เมื่อจอดรถเพื่อถนอมเกียร์

ช่วยทำให้อายุการใช้งานเกียร์นานขึ้น…
การจอดรถไม่ถูกวิธีส่งผลทำให้เกียร์เกิดการสึกหรอ หรือทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ในระยะยาว วิธีการเข้าเกียร์ที่ถูกต้องเมื่อจอดรถจะช่วยล...อ่านต่อ
ช่วยทำให้อายุการใช้งานเกียร์นานขึ้น…
การจอดรถไม่ถูกวิธีส่งผลทำให้เกียร์เกิดการสึกหรอ หรือทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ในระยะยาว วิธีการเข้าเกี...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
70305:14274 Views4193

รถไม่ค่อยวิ่ง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนดี ?

เปลี่ยนตอนไหนดูแลรักษาอย่างไร…
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หลักๆ คือ หล่อลื่นชิ้นส่วน , ระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ , ชะล้างทำความสะอาด ,ป้องกันสนิมและการกัดกร่อน ,รักษากำลัง...อ่านต่อ
เปลี่ยนตอนไหนดูแลรักษาอย่างไร…
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หลักๆ คือ หล่อลื่นชิ้นส่วน , ระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ , ชะล้างทำความสะอาด ,ป้องกัน...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
  • คุ้มค่า ไม่เอาเปรียบราคา
  • ประกันคุณภาพ ซ่อมเหนือมาตรฐาน
  • บริการด้วยใจ บริการหลังการขาย
  • สิทธิพิเศษ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • YARIS ATIV
  • YARIS
  • YARIS CROSS
  • COROLLA ALTIS
  • COROLLA CROSS
  • CAMRY
  • BZ4X
  • GR 86
  • GR YARIS
  • GR COROLLA
  • GR SUPRA
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • HILUX CHAMP
  • REVO STANDARD CAB
  • REVO SMART CAB
  • REVO DOUBLE CAB
  • HIACE
  • COMMUTER
  • MAJESTY
รถอเนกประสงค์
  • VELOZ
  • FORTUNER
  • INNOVA
  • COASTER
  • ALPHARD
เมนูที่สนใจ
  • สนใจซื้อประกัน
  • สนใจเข้ารับบริการ
  • สนใจร่วมงานกับเรา
  • อยากรู้จัก เค.มอเตอร์ส
  • ค้นหาโชว์รูม
  • เค.มอเตอร์ส กูรู
  • เช็กฤกษ์ออกรถ
TOYOTA K.MOTORS TOYOTA’S DEALER

สำนักงานใหญ่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-662-6555
E-mail: customerservice@kmotors.co.th

  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • รถยนต์อเนกประสงค์
  • YARIS ATIV

    เริ่มต้น 549,000 บาท

  • YARIS

    เริ่มต้น 559,000 บาท

  • YARIS CROSS

    เริ่มต้น 789,000 บาท

  • COROLLA ALTIS

    เริ่มต้น 894,000 บาท

  • COROLLA CROSS

    เริ่มต้น 999,000 บาท

  • CAMRY

    เริ่มต้น 1,455,000 บาท

  • BZ4X

    เริ่มต้น 1,836,000 บาท

  • GR 86

    เริ่มต้น 2,949,000 บาท

  • GR YARIS

    เริ่มต้น 3,499,000 บาท

  • GR COROLLA

    เริ่มต้น 4,199,000 บาท

  • GR SUPRA

    เริ่มต้น 5,199,000 บาท

  • HILUX CHAMP

    เริ่มต้นที่ 459,000 บาท

  • REVO STANDARD CAB

    เริ่มต้น 584,000 บาท

  • REVO SMART CAB

    เริ่มต้น 669,000 บาท

  • REVO DOUBLE CAB

    เริ่มต้น 744,000 บาท

  • HIACE

    เริ่มต้น 1,019,000 บาท

  • COMMUTER

    เริ่มต้น 1,289,000 บาท

  • MAJESTY

    เริ่มต้น 1,989,000 บาท

  • VELOZ

    เริ่มต้น 795,000 บาท

  • FORTUNER

    เริ่มต้น 1,239,000 บาท

  • INNOVA ZENIX

    เริ่มต้น 1,379,000 บาท

  • COASTER

    เริ่มต้น 1,960,000 บาท

  • ALPHARD

    เริ่มต้น 4,129,000 บาท