Diff Lock คืออะไร ใช้อย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพ
ทำงานอย่างไร
แต่ละแบบใช้งานแตกต่างกันอย่างไร…
Diff-Lock คือระบบล็อกเฟืองท้าย ซึ่งส่วนมากจะติดตั้งอยูกับรถขับเคลื่อนสี่ล้อโดยจะติดตั้งอยู่ที่ชุดเฟืองท้ายหลังเป็นหลัก แต่ในรถบางรุ่นก็จะมีการติดตั้ง Diff-Lock เพิ่มเข้าไปที่เฟืองท้ายหน้า เพื่อใช้งานในทางออฟโรดที่ยากลำบาก เมื่อระบบ Diff-Lock ทำงานระบบล็อกเฟืองท้ายจะบังคับให้ล้อทั้งหมดหมุนด้วยความเร็วเท่ากัน
โดยส่งกำลังไปที่ล้อด้านซ้ายและด้านขวาแบบ 50:50 โดยไม่คำนึงถึงแรงยึดเกาะ ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่ขับที่บนถนนที่ยากลำบาก เช่นบนทางออฟโรด ถ้าล้อด้านใดด้านหนึ่งลอยจากพื้น ล้อด้านที่ลอยก็จะหมุนฟรี ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้ แต่ถ้าเปิดให้ระบบ Diff-Lock ทำงาน จากที่แรงขับเคลื่อนอยู่ที่ล้อที่หมุนฟรี 100 % ก็จะถูกแบ่งไปที่ล้อตรงข้าม 50 % ทำให้ส่งกำลังไปที่ล้อด้านซ้ายและด้านขวาเป็นแบบ 50:50 โดยไม่คำนึงถึงแรงยึดเกาะ ก็จะทำให้มีแรงปีนป่ายให้รถเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการได้
ประเภทการทำงานของ Diff-Lock
1. แบบทำงานอัตโนมัติ ( Auto Diff Lock) แบบนี้จะมีเป็นชุดกลไกล้วน ๆที่อยู่ภายในชุดเฟืองท้าย เมื่อล้อด้านซ้ายหรือด้านขวาสูญเสียแรงยึดเกาะ (หมุนฟรี) ระบบล็อกเฟืองท้ายอัตโนมัติจะทำงานโดยอัตโนมัติ กลไกจะทำงานและทำการล็อกเพลาด้านซ้ายและด้านขวาให้ส่งกำลังเป็นแบบ 50:50 ทำให้ล้อทั้งสองข้างหมุนไปพร้อมกัน และระบบล็อกเฟืองท้ายจะปลดล็อก เมื่อได้แรงยึดเกาะ (หยุดหมุนฟรี) คืนมา
2. แบบทำงานด้วยแรงดันลม (Air Locker) ใช้แรงดันลมในการดันสลักให้ชุดเฟืองท้ายล็อก เพื่อให้เพลาด้านซ้ายและด้านขวาให้ส่งกำลังเป็นแบบ 50:50 ทำให้ล้อทั้งสองข้างหมุนไปพร้อมกัน โดยคนขับจะต้องทำการกดสวิตช์เพื่อไปควบคุมการเปิดแรงดันลม เมื่อต้องการเปิดให้ Diff-Lock ทำงานและกดปิดสวิตช์เมื่อไม่ได้ใช้งาน
3. แบบใช้สายสลิงไปดึงให้กลไก Diff-Lock ทำงาน หรือและปลดเมื่อไม่ใช้งาน
4. แบบทำงานด้วยไฟฟ้า (Electronic Differntial Lock) แบบนี้จะใช้แอ็คคูเอเตอร์มอเตอร์หรือขดลวดสนามแม่เหล็กในการไปทำให้กลไก Diff-Lock ทำงาน โดยคนขับเพียงแค่กดสวิตช์เปิดเมื่อต้องการให้ทำงานและกดปิดเมื่อไม่ใช้งาน ซึ่งปัจจุบันจะนิยมใช้แบบไฟฟ้าในการควบคุม Diff-Lock
การใช้งานระบบ Diff-Lock
Diff-Lock จะใช้งานได้เมื่อระบบขับเคลื่อนอยู่ในตำแหน่งขับเคลื่อน 4 ล้อ ความเร็วต่ำ (L4) เท่านั้น และควรใช้งานในกรณีที่จำเป็น เช่น ในการขับในเส้นทางที่ลื่นมากๆ หรือลุยในเส้นทางต่างระดับที่ทำให้ล้อแขวน หรือล้อใดล้อหนึ่งลอยขึ้น และต้องวิ่งด้วยความเร็วต่ำ ไม่ควรเกิน 30 กม./ชม หลังจากผ่านอุปสรรค์ได้แล้ว ให้เราหยุดใช้ Diff-Lock ทันที เพราะหากเราเปิดทิ้งไว้ จะทำให้รถเลี้ยวได้ยากมากและจะมีวงเลี้ยวกว้างกว่าปกติ หรือทำให้ล้อขืนในขณะเข้าโค้ง ยากต่อการควบคุมรถ และระบบอาจเกิดความเสียหายได้ หากวิ่งด้วยความเร็วสูง
โดยสรุป Diff-Lock คือระบบที่มีอยู่ในรถขับเคลื่อนสี่ล้อมีไว้สำหรับล็อกเฟืองท้าย โดยจะติดตั้งอยู่กับรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่เฟืองท้ายหลังเป็นหลัก แต่ในรถบางรุ่นก็จะมีการติดตั้ง Diff-Lock เพิ่มเข้าไปที่เฟืองท้ายหน้าด้วย จุดประสงค์เพื่อใช้ล็อกเฟืองท้าย กรณีรถติดหล่มล้อแขวนหรือล้อลอย ให้สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ ปัจจุบันในรถโตโยต้าจะติดตั้ง Diff-Lock แบบไฟฟ้า แบบติดตั้งที่ชุดเฟืองท้ายหลัง อยู่ในรถรุ่นฟอร์จูนเนอร์และรุ่นรีโว่ ที่เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ
เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ
- แบตเตอรี่ Smart Key หมด ทำอย่างไร
- สัญลักษณ์สามเหลี่ยม บนแก้มยางมีประโยชน์อย่างไร
- ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เรื่องอื่นๆ
- คุยกับช่างเค คลิก
- คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors