Skip to content
  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • Promotions
      โปรโมชั่น
    • Auto Reviews
      รีวิวรถยนต์
    • News & Events
      ข่าวและกิจกรรม
    • K.Motors Privileges
      สิทธิพิเศษ
    • Privacy & Security Policy
      นโยบายความเป็นส่วนตัว
Call Center : 02-662-6555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1//kmotors-guru//2025-06-20//2023//11895 Views715

+ 2

+ 1

+ 0

  • Facebook iconFacebook
อัพเดท : 9 พฤษภาคม 2567

สอนวิธี จับพวงมาลัย และ คืนพวงมาลัยที่ถูกต้อง

ใช้ให้ถูก

เปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่…
ในการขับขี่รถสิ่งที่สำคัญที่ทำให้การขับขี่ปลอดภัย นอกจากความพร้อมของคนขับรถแล้ว ความพร้อมของรถล้วนแต่มีความจำเป็นและสำคัญที่ทำให้การขับขี่ถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย แต่ยังมีอีกอย่างที่เราต้องทำให้ถูกต้องเพื่อให้เกิดความปลอดภัยนั่นก็คือการจับพวงมาลัยการหมุนและการคืนพวงมาลัยที่ถูกต้องนั่นเองครับ

วิธีการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง…


ในการจับพวงมาลัยจะเทียบวงพวงมาลัยกับหน้าปัดนาฬิกา โดยแบ่งตำแหน่งจากเลข 1 ไปจนถึงเลข 12 โดยตำแหน่งการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง สำหรับพวงมาลัยทั่วไปและพวงมาลัยขนาดใหญ่ มือซ้ายจะอยู่ที่เลข 9 หรือ 9 นาฬิกา มือขวาจะอยู่ที่เลข 3 หรือ 3 นาฬิกา ส่วนรถที่มีวงพวงมาลัยขนาดเล็ก ลักษณะการจับที่ถูกต้องอยู่ที่เลข 10 หรือ 10 นาฬิกา และเลข 2 หรือ 2 นาฬิกา โดยการจับพวงมาลัยที่ดีนั้นต้องจับให้กระชับ ไม่กำแน่นมากเกินไป และไม่ควรจับพวงมาลัยมือเดียว หรือจับพวงมาลัยหงายมือรวมทั้งการสอดมือเข้าไปในพวงมาลัย เพราะพวงมาลัยอาจจะตีมือรุนแรงและทำให้เสียหลักในขณะขับขี่ได้


การหมุนและการคืนพวงมาลัยที่ถูกต้อง มีอยู่ 2 วิธี ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระบบสากล คือ

 

1. แบบดัน-ดึง (Push and Pull)

โดยให้จับพวงมาลัยตามตำแหน่งที่ถูกต้อง กำหนดเอาไว้ว่าเวลาหมุนเลี้ยวพวงมาลัยมือทั้ง 2 ข้าง ต้องไม่ข้ามจุดเลข 12 และ 6 ตามตำแหน่งนาฬิกา ในการหมุนเลี้ยวพวงมาลัยมือทั้ง 2 ข้าง จะทำสลับกันระหว่างการดึงและการดัน โดยจะไม่ดึงหรือดันพร้อมๆ กันทั้ง 2 มือ เมื่อจะเลี้ยวขวาให้เลื่อนมือขวา รูดผ่านพวงมาลัยขึ้นมาที่ตำแหน่งเลข 12 จากนั้นมือขวาก็ดึงพวงมาลัยมาสู่ตำแหน่งเลข 6 ซึ่งในขณะที่มือขวาดึงพวงมาลัยลงอยู่นั้น ให้รูดมือซ้ายผ่านวงพวงมาลัยขนานคู่กับมือขวาลงมาสู่ตำแหน่งเลข 6 และพบกับมือขวาที่ตำแหน่งเลข 6 ถ้าวงเลี้ยวยังไม่พอโดยที่มือซ้ายต้องดันพวงมาลัยจากตำแหน่งเลข 6 ขึ้นไปหาตำแหน่งเลข 12 และมือขวารูดพวงมาลัยขึ้นไปสู่ตำแหน่งเลข 12 พร้อมๆ กับมือซ้าย เช่นเดียวกันถ้าวงเลี้ยวยังไม่พอให้มือขวาดึงพวงมาลัยลงเพิ่มขึ้นทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้วงเลี้ยวที่ต้องการ ถ้าจะทำการเลี้ยวซ้ายให้ทำวิธีตรงข้ามกันกับการเลี้ยวขวาตามวิธีที่กล่าวมาข้งต้นครับ

 

2.แบบคร่อมแขน (Hand over Hand)

การหมุนและคืนพวงมาลัยแบบคร่อมแขน ให้จับพวงมาลัยตำแหน่งที่ถูกต้อง เมื่อจะเลี้ยวซ้าย ให้ใช้มือขวาดันพวงมาลัยหมุนทวนเข็มนาฬิกา ช่วงครึ่งวงด้านบนของพวงมาลัย โดยมือซ้ายหมุนตามไปช่วงครึ่งวงด้านล่าง ซึ่งสามารถหมุนเลี้ยวพวงมาลัยได้ประมาณ 180 องศา โดยไม่ต้องปล่อยมือทั้ง 2ข้าง จากนั้นเลื่อนมือขวามาเตรียมพร้อมรับช่วงที่ประมาณเลข 3 นาฬิกา เมื่อมือซ้ายไปถึงที่ประมาณเลข 9 นาฬิกา ลักษณะเป็นการสาวสลับมือช่วงครึ่งวงด้านบนของพวงมาลัยจากเลข 3 ไป 9 นาฬิกา ซึ่งเป็นการหมุนพวงมาลัยแบบคร่อมแขน (Hand over Hand) ในการหมุนคืนพวงมาลัยกลับจากการเลี้ยวซ้ายให้ใช้การสลับมือครึ่งวงด้านบนของพวงมาลัยทำนองเดียวกันกับการหมุนตามเข็มนาฬิกา โดยการใช้มือขวาดึง และมือซ้ายดันจากเลข 9 ไป 3 นาฬิกา ถ้าทำการสลับมือกลับตามนี้แล้ว เมื่อรถวิ่งตรงมือขวาจะอยู่ที่เลข 3 นาฬิกา และมือซ้ายอยู่ที่เลข 9 นาฬิกาเหมือนในตอนแรก วิธีนี้จะทำให้มือทั้ง 2ข้าง ไม่ต้องปล่อยพวงมาลัย ในกรณีที่หักพวงมาลัยไม่เกิน 180 องศา ซึ่งเป็นการขับขี่ในการจราจรปกติทั่วไป ตอบสนองต่อการเลี้ยวในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีและเร็วที่สุด ถ้าจะเลี้ยวขวาก็ให้ทำตรงข้ามกันครับ

 

ดังนั้นหากใครยังจับพวงมาลัยและหมุนพวงมาลัยผิดวิธีอยู่ก็ให้ปรับเปลี่ยนใหม่ให้ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเพื่อประโยชน์สุขแก่ชีวิตและทรัพย์สินของท่านและเพื่อนร่วมทางครับ

 

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

  • แบตเตอรี่ Smart Key หมด ทำอย่างไร
  • สัญลักษณ์สามเหลี่ยม บนแก้มยางมีประโยชน์อย่างไร
  • ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เรื่องอื่นๆ
  • คุยกับช่างเค คลิก 
  • คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors
63974:22719 Views30892

EGR คืออะไร และการอุด EGR มีผลอย่างไรกับรถยนต์บ้าง

มีข้อดี ข้อเสียกับรถอย่างไรบ้าง…
EGR (Exhaust Gas Recirculation) คือ เป็นระบบที่นำไอเสียที่ผ่านการเผาไหม้จากห้องจุดระเบิดมาแล้ว หมุนเวียนกลับมาเข้าที่ห้องจุดระเบิดใหม่เพื่...อ่านต่อ
มีข้อดี ข้อเสียกับรถอย่างไรบ้าง…
EGR (Exhaust Gas Recirculation) คือ เป็นระบบที่นำไอเสียที่ผ่านการเผาไหม้จากห้องจุดระเบิดมาแล้ว หมุนเวียนกลับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
69336:16625 Views7378

ไฟเตือนน้ำมันโชว์ ขับต่อได้อีกกี่กิโลโมตร ?

แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์เค...อ่านต่อ
แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
66764:18932 Views6479

ใช้เกียร์ S ตอนไหนดี ให้เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด..

เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ช่วยควบคุมกา...อ่านต่อ
เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
64767:9620 Views5238

วิธีการใช้งานเกียร์ออโต้ แต่ละโหมด ใช้งานอย่างไรให้เหมาะสม ?

เดินทางแบบไหน ใช้โหมดการขับที่อย่างไร…
รถยนต์เกียร์ออโต้จะมีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้งานกันแล้วแต่ละรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบด้วย 3 โหมด คือ Eco mode, Power mode, Sport mod...อ่านต่อ
เดินทางแบบไหน ใช้โหมดการขับที่อย่างไร…
รถยนต์เกียร์ออโต้จะมีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้งานกันแล้วแต่ละรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบด้วย 3 โหมด คือ E...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
72676:14761 Views5061

วิธีเข้าเกียร์ เมื่อจอดรถเพื่อถนอมเกียร์

ช่วยทำให้อายุการใช้งานเกียร์นานขึ้น…
การจอดรถไม่ถูกวิธีส่งผลทำให้เกียร์เกิดการสึกหรอ หรือทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ในระยะยาว วิธีการเข้าเกียร์ที่ถูกต้องเมื่อจอดรถจะช่วยล...อ่านต่อ
ช่วยทำให้อายุการใช้งานเกียร์นานขึ้น…
การจอดรถไม่ถูกวิธีส่งผลทำให้เกียร์เกิดการสึกหรอ หรือทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ในระยะยาว วิธีการเข้าเกี...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
70305:14274 Views4193

รถไม่ค่อยวิ่ง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนดี ?

เปลี่ยนตอนไหนดูแลรักษาอย่างไร…
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หลักๆ คือ หล่อลื่นชิ้นส่วน , ระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ , ชะล้างทำความสะอาด ,ป้องกันสนิมและการกัดกร่อน ,รักษากำลัง...อ่านต่อ
เปลี่ยนตอนไหนดูแลรักษาอย่างไร…
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หลักๆ คือ หล่อลื่นชิ้นส่วน , ระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ , ชะล้างทำความสะอาด ,ป้องกัน...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
  • คุ้มค่า ไม่เอาเปรียบราคา
  • ประกันคุณภาพ ซ่อมเหนือมาตรฐาน
  • บริการด้วยใจ บริการหลังการขาย
  • สิทธิพิเศษ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • YARIS ATIV
  • YARIS
  • YARIS CROSS
  • COROLLA ALTIS
  • COROLLA CROSS
  • CAMRY
  • BZ4X
  • GR 86
  • GR YARIS
  • GR COROLLA
  • GR SUPRA
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • HILUX CHAMP
  • REVO STANDARD CAB
  • REVO SMART CAB
  • REVO DOUBLE CAB
  • HIACE
  • COMMUTER
  • MAJESTY
รถอเนกประสงค์
  • VELOZ
  • FORTUNER
  • INNOVA
  • COASTER
  • ALPHARD
เมนูที่สนใจ
  • สนใจซื้อประกัน
  • สนใจเข้ารับบริการ
  • สนใจร่วมงานกับเรา
  • อยากรู้จัก เค.มอเตอร์ส
  • ค้นหาโชว์รูม
  • เค.มอเตอร์ส กูรู
  • เช็กฤกษ์ออกรถ
TOYOTA K.MOTORS TOYOTA’S DEALER

สำนักงานใหญ่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-662-6555
E-mail: customerservice@kmotors.co.th

  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • รถยนต์อเนกประสงค์
  • YARIS ATIV

    เริ่มต้น 549,000 บาท

  • YARIS

    เริ่มต้น 559,000 บาท

  • YARIS CROSS

    เริ่มต้น 789,000 บาท

  • COROLLA ALTIS

    เริ่มต้น 894,000 บาท

  • COROLLA CROSS

    เริ่มต้น 999,000 บาท

  • CAMRY

    เริ่มต้น 1,455,000 บาท

  • BZ4X

    เริ่มต้น 1,836,000 บาท

  • GR 86

    เริ่มต้น 2,949,000 บาท

  • GR YARIS

    เริ่มต้น 3,499,000 บาท

  • GR COROLLA

    เริ่มต้น 4,199,000 บาท

  • GR SUPRA

    เริ่มต้น 5,199,000 บาท

  • HILUX CHAMP

    เริ่มต้นที่ 459,000 บาท

  • REVO STANDARD CAB

    เริ่มต้น 584,000 บาท

  • REVO SMART CAB

    เริ่มต้น 669,000 บาท

  • REVO DOUBLE CAB

    เริ่มต้น 744,000 บาท

  • HIACE

    เริ่มต้น 1,019,000 บาท

  • COMMUTER

    เริ่มต้น 1,289,000 บาท

  • MAJESTY

    เริ่มต้น 1,989,000 บาท

  • VELOZ

    เริ่มต้น 795,000 บาท

  • FORTUNER

    เริ่มต้น 1,239,000 บาท

  • INNOVA ZENIX

    เริ่มต้น 1,379,000 บาท

  • COASTER

    เริ่มต้น 1,960,000 บาท

  • ALPHARD

    เริ่มต้น 4,129,000 บาท