ความแตกต่างระหว่างการ เติมลมยาง ธรรมดา กับลมยางไนโตรเจน

     ลมยางธรรมดาคือ อากากาศที่เรากำลังหายใจอยู่ โดยจะใช้เครื่องปั๊มลมดูดเอาอากาศที่เราหายใจอยู่เข้าสู่เครื่องปั๊มลม เพื่อสร้างแรงดันให้สูงขึ้น จากนั้นจึงทำการเติมเข้าสู่ยางรถยนต์ ซึ่งลมยางหรืออากาศที่เติมเข้าไปจะประกอบไปด้วย ก๊าซไนโตรเจน 78% ออกซิเจน 21% อาร์กอน 0.9% ที่เหลือเป็น ไอน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ และแก๊สอื่นๆ ซึ่งเมื่อใช้งานจนเกิดความร้อนขึ้น อ็อกซิเจนจะมีการขยายตัว ส่งผลต่อแรงดันลมยางที่จะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิ

     ลมยางไนโตรเจน จะใช้เครื่องผลิตหรือคัดแยกก๊าซไนโตรเจน เพื่อแยกก๊าซอื่นๆ ออกจากอากาศที่เราหายใจ จนสุดท้ายแล้วจะเหลือเพียงก๊าซไนโตเจน ซึ่งปกติจะได้ไนโตรเจนตั้งแต่ 93-99 % ขึ้นอยู่กับเครื่องผลิตไนโตรเจน โดยจะเป็นไนโตรเจนแบบDry Nitrogen ที่มีไอน้ำปะปนอยู่ ซึ่งมีน้อยมากๆ หรืออาจจะไม่มีเลย จากนั้นก็จะปั๊มสร้างแรงดันและเติมเข้าสู่ยางรถยนต์

ความแตกต่างของลมยางไนโตรเจนกับลมยางธรรมดา

1. แรงดันลมยางไนโตรเจนจะอยู่ได้นานกว่า และมีโอกาสน้อยกว่าลมยางธรรมดามากที่จะเกิดการระเบิด เนื่องจากลมไนโตรเจนไม่มีส่วนผสมของไอน้ำและอ๊อกซิเจนเหมือนลมยางธรรมดา จึงเปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิน้อยมาก ทำให้โอกาสที่จะทำให้ยางระเบิดน้อยมากและยังช่วยให้ลมยางอยู่ได้นานกว่า โดยไม่ต้องเติมลมยางบ่อยๆ และช่วยประหยัดน้ำมันมากกว่าลมธรรมดา

 

2. สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของยางได้มากกว่าการเติมลมยางธรรมดา จากการที่ลมยางอยู่ได้นานกว่าลมยางธรรมดาจึงส่งผลให้การสึกหรอของยางน้อยกว่าลมยางธรรมดา

 

3. ขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล และลดการเกิดเสียงของยางรถยนต์ที่กระแทกกับพื้น รวมถึงตะเข็บรอยต่อถนน 4. ลมยางไนโตรเจนจะเป็นก๊าซแห้ง ไม่มีส่วนผสมของน้ำ จึงไม่ทำให้กระทะล้อเกิดสนิม เหมือนกับลมยางธรรมดา

 

     จะเห็นได้ว่าลมยางไนโตรเจนมีข้อดีมากกว่าลมยางธรรมดา แต่ใช่ว่าลมยางไนโตรเจนจะไม่มีข้อเสียเลย ข้อเสียของลมยางไนโตรเจนคือ หาเติมได้ยากกว่าลมยางธรรมดา ซึ่งลมยางธรรมดาสามารถหาเติมได้ตามปั๊มน้ำมันทั่วไป หรือตามร้านประยาง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายหรือถ้ามีก็ไม่เกินล้อละ 5 บาท เท่านั้น แต่หากเป็นลมยางไนโตรเจนจะต้องเติมที่มีการให้บริการเติมลมไนโตรเจนโดยเฉพาะ ซึ่งไม่มีในร้านปะยางหรือตามปั๊มทั่วไป ค่าบริการในการเติมจะเริ่มต้นที่ล้อละอย่างต่ำ 50 บาท

 

     ดังนั้นคงพอจะเห็นความแตกต่างของลมยางธรรมดากับลมยางไนโตรเจน กันได้ชัดเจนแล้ว หากต้องการให้รถขับขี่รถได้นุ่มนวล มีเสียงรบกวนน้อยกว่า ไม่ต้องคอยเติมลมยางบ่อยๆ ไม่ต้องกลัวว่ากะทะล้อจะเกิดสนิม และเกิดโอกาสที่ยางจะระเบิดน้อย ให้เลือกเติมลมยางไนโตรเจน แต่อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่หากไม่สะดวกก็ให้เลือกเติมลมยางธรรมดา แต่ต้องคอยตรวจสอบลมยางอยู่เป็นประจำ เพื่อให้รถใช้งานได้อย่างปลอดภัยครับ

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

• แบตเตอรี่ Smart Key หมด ทำอย่างไร
• สัญลักษณ์สามเหลี่ยม บนแก้มยางมีประโยชน์อย่างไร
• ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เรื่องอื่นๆ
• คุยกับช่างเค คลิก 
• คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors