Skip to content
  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • Promotions
      โปรโมชั่น
    • Auto Reviews
      รีวิวรถยนต์
    • News & Events
      ข่าวและกิจกรรม
    • K.Motors Privileges
      สิทธิพิเศษ
    • Privacy Policy
      นโยบายความเป็นส่วนตัว
Call Center : 02-662-6555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

+ 2

+ 1

+ 0

Facebook |
อัพเดท : 4 มกราคม 2562

ดอกยางมีไว้รีดน้ำไม่ใช่ยึดเกาะถนน …ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่

ดอกยางรีดน้ำ!!

ทำให้รถสามารถควบคุมได้ ไม่เสียหลัก…
หลายคนอาจข้องใจว่าดอกยางหรือยางแบบไหน ที่สามารถเกาะถนนได้มากกว่ากัน ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจจะยังเกิดความเข้าใจผิดๆ อยู่เกี่ยวกับดอกยางเพราะดอกยางจริงๆ แล้ว มีหน้าที่รีดน้ำออกจากยาง การคิดว่ายางโล้น ยางไม่มีดอก จะไม่เกาะถนน

ดอกยางรถยนต์ มีไว้ทำอะไร ??

 

ดอกยางมีไว้รีดน้ำไม่ใช่ยึดเกาะถนน ซึ่งที่จริงแล้ว…การยึดเกาะของยางกับถนนเกิดจากหน้ายางที่กดแนบลงกับพื้นถนน ยิ่งมีหน้าสัมผัสมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเกาะมากขึ้นเท่านั้น โดยร่องยางซึ่งแทรกอยู่ระหว่างดอกยางก็มีแค่อากาศไหลผ่านเข้าไป ไม่ได้มีเนื้อยางกดลงบนพื้นแต่อย่างใด ซึ่งถ้าหน้ายางมีความกว้างเท่ากัน ยางไม่มีดอกหรือไม่มีร่องก็ย่อมมีพื้นที่สัมผัสถนนมากกว่ายางที่มีร่องระหว่างดอกยาง การกดรีดน้ำออกจากหน้ายางจึงทำได้ดีขึ้น เพราะเท่ากับเป็นการรีดน้ำออกจากพื้นที่ย่อยแคบลงและมีร่องลึกอยู่รอบๆ จะทำให้น้ำที่ถูกรีดแทรกตัวเข้าไปได้ และถ้าร่องต่อกันก็จะช่วยให้สลัดน้ำออกด้านข้างได้ดีขึ้นไปอีก ดอกหรือร่องยางจึงลดอาการลื่นของยางลงไปได้ครับ

ดอกยางและร่องบนหน้ายาง มีหน้าที่สำคัญคือการรีดน้ำออกเมื่อหน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนที่เปียกลื่น โดยในปัจจุบันดอกยางของยางรถยนต์ส่วนใจสามารถรีดน้ำได้สูงถึง 40 ลิตรต่อนาทีจากความเร็ว 100 กม. ต่อชั่วโมง ในขณะเดียวกันความลึกของกอกยางก็มีผลต่อการรีดน้ำและการยึดเกาะพื้นถนนเปียกด้วย หากใช้ดอกยางที่มีประสิทธิภาพในการรีดน้ำต่ำ อาจทำให้รถเกิดการเสียหลัก ซึ่งความลึกของดอกยางที่เหมาะสมอย่างน้อยควรอยู่ที่ 1.6 มิลลิเมตร และเมื่อดอกยางมีความลึกต่ำกว่า 2.0 มิลลิเมตร ถือว่าขาดประสิทธิภาพในการรีดน้ำและยึดเกาะถนนแล้วครับ ควรรีบทำการเปลี่ยนยางรถยนต์โดยเร็ว

 

 

ดอกยางรถยนต์แบบไหน รีดน้ำออกจากหน้ายางได้ดี??
ลักษณะของหน้ายางแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ส่วนที่เป็นร่องยาง เรียกว่า เนกาทีฟ (Negative) หรือลบ และส่วนที่เป็นก้อนยาง เรียกว่า โพสสิทีฟ (Positive) หรือบวก ซึ่งส่วนของร่องยางจำทำหน้าที่รีดน้ำได้ดีกว่าก้อนยาง ที่มักจะเสื่อมสภาพเร็ว หยุ่นขณะเบรค เร่ง และเข้าโค้ง ในขณะที่ฝนตกหรือพื้นถนนเปียกแฉะ ร่องยางที่ดีควรรีดน้ำออกมามากว่า 10-15 ลิตร/วินาที ทั้งนี้เพื่อให้ยางรถยนต์ยึดติดถนนได้ดีนั่นเอง ซึ่งจะแตกต่างจากรถแข่งที่ยางรถยนต์หน้าเกลี้ยงไม่มีดอกยางเลย แต่ยังคงเกาะถนนได้ดี เพราะรถแข่งต้องใช้พื้นถนนที่แห้งสนิท ดอกยางจึงไม่มีความจำเป็น ทั้งนี้หากเป็นรถยนต์ทั่วไปจำเป็นต้องมีดอกยาง เนื่องจากมีการใช้งานหลากหลายสถานการณ์ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ อย่างไรก็ตามหากขับรถไม่มีดอกยางในขณะที่ฝนตกหรือน้ำท่วมขัง มวลน้ำจะมารวมกันที่หน้าล้อและบริเวณใต้ล้อเกิดเป็นเบาะรองล้อเอาไว้ (Hydroplaning) ทำให้รู้สึกเหมือนขับรถเคว้งอยู่กลางอากาศหรือลอยอยู่บนผืนน้ำ จนผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถยนต์ได้ นำพาซึ่งอุบัติเหตุทั้งหลายครับ

 

 

ประเภทของดอกยางแบ่งตามทิศทางการเคลื่อนที่
1.ดอกยางรถยนต์แบบ 2 ทิศทาง คือ สามารถสลับเปลี่ยนยางรถยนต์ได้ทุกตำแหน่งของล้อ ลักษณะดอกยางทั้ง 2 ด้าน จะสวนทางกัน เมื่อใช้ในการขับขี่ทั่วไปที่ไม่เน้นความเร็วสูง ดอกยางประเภทนี้จะสามารถตอบสนองความพึงพอใจได้เป็นอย่างดี
2.ดอกยางรถยนต์แบบทิศทางเดียว ลักษณะลายของดอกยางจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะมีลูกศรบอกทิศทางการหมุนบนแก้มยางทั้ง 2 ด้าน คุณสมบัติของดอกยางชนิดนี้คือสามารถไล่น้ำออกจากหน้ายางรถยนต์ได้เร็วกว่า ดอกยางรถยนต์แบบ 2 ทิศทาง และสามารถป้องกันการเกิดรถเหินน้ำได้ดี นอกจาก “ดอกยาง” จะทำหน้าที่รีดน้ำออกจากรถแล้ว ยังเป็นตัวกระจายน้ำหนักให้รถยนต์อีกด้วยนะครับ!!!

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

  • เติมน้ำมันแบบไหน ประหยัด และคุ้มกว่ากัน
  • ถอด ล้วง ทะลวง ไส้แคต ทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้นจริงหรือไม่??
  • สาเหตุ ยางรถยนต์ สึกหรอ
  • อาการแผงคอยล์ร้อนอุดตัน
  • คุยกับช่างเค คลิก 
  • คุยกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/toyotakmotors

เปลี่ยนแบตแล้ว กระจกไฟฟ้า ไม่ทำงาน…

สาเหตุเกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไรดี?
รู้หรือไม่ !! ว่าทำไม กระจกไฟฟ้า อัตโนมัติอยู่ๆ ก็ไม่ทำงาน ซึ่งสาเหตุหลักมักมาจากการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ทำให้ระบบของรถยนต์ขาดความจำไปชั่วขณะ ห...อ่านต่อ
สาเหตุเกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไรดี?
รู้หรือไม่ !! ว่าทำไม กระจกไฟฟ้า อัตโนมัติอยู่ๆ ก็ไม่ทำงาน ซึ่งสาเหตุหลักมักมาจากการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ทำให้ระบ...อ่านต่อ
Facebook |
เลือกดอกยาง

ดอกยางรถยนต์มีหลายแบบ มีคุณสมบัติต่างกันยังไง

ต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งานรถยนต์ของเรามากที่สุด “ดอกยาง” นั้นจะมีประโยชน์ในการใช้ยึดเกาะถนนและช่วยรีดน้ำเม...อ่านต่อ
ต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งานรถยนต์ของเรามากที่สุด “ดอกยาง” นั้นจะมีประโยชน์ในก...อ่านต่อ
Facebook |

ลูกสูบติด รถไม่ติด!!

ขับรถเร็วไม่ได้ยิ่งเร่งเครื่องยิ่งติด
อาการ ลูกสูบติด คือ อาการที่ลูกสูบเครื่องยนต์เกิดการเสื่อมสภาพ ทำให้ไม่สามารถขับรถเร็วได้ ยิ่งเร่งเครื่องขับเร็ว ลูกสูบก็ยิ่งติด หากรุนแรงม...อ่านต่อ
ขับรถเร็วไม่ได้ยิ่งเร่งเครื่องยิ่งติด
อาการ ลูกสูบติด คือ อาการที่ลูกสูบเครื่องยนต์เกิดการเสื่อมสภาพ ทำให้ไม่สามารถขับรถเร็วได้ ยิ่งเร่งเครื่องขับเ...อ่านต่อ
Facebook |

วิ่งเกินระยะกำหนด มีผลต่อ “น้ำมันเครื่อง” อย่างไร?

ส่งผลร้ายมากกว่าดี ต้องหมั่นตรวจเช็ก
หากรถวิ่งเกินระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องส่วนใหญ่จะมีผลในด้านลบครับ น้ำมันเครื่องเป็นหนึ่งส่วนสำคัญในการทำงานของเครื่องยนต์และสารหล่อลื่นตัว...อ่านต่อ
ส่งผลร้ายมากกว่าดี ต้องหมั่นตรวจเช็ก
หากรถวิ่งเกินระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องส่วนใหญ่จะมีผลในด้านลบครับ น้ำมันเครื่องเป็นหนึ่งส่วนสำคัญในการทำงานข...อ่านต่อ
Facebook |

“ฝาหม้อน้ำ” ไม่ใช่แค่ฝาสำหรับปิดหม้อน้ำเท่านั้น…เรื่องเล็กๆ แต่อันตรายมหาศาล ไม่ควรมองข้าม!!

อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ แต่…เรื่องไม่เล็ก
“ฝาหม้อน้ำ คือ เป็นส่วนประกอบของรถยนต์ ราคาหลักร้อย ถือเป็นส่วนเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม กว่าจะรู้ตัว เครื่องยนต์ก็ “ร้อน” จนต้องเสียตังค์ค...อ่านต่อ
อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ แต่…เรื่องไม่เล็ก
“ฝาหม้อน้ำ คือ เป็นส่วนประกอบของรถยนต์ ราคาหลักร้อย ถือเป็นส่วนเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม กว่าจะรู้ตัว เครื่อง...อ่านต่อ
Facebook |

จุดที่ต้องดูแลเป็นพิเศษหลังจากหลังเจอเหตุการณ์หลีกเลี่ยงไม่ได้

ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบเครื่องยนต์ฝนตกมาตามนัดทุกวันแบบนี้ ในกรุงเทพฯ และบางพื้นที่ในต่างจังหวัด เกิดน้ำท่วมและน้ำขังเป็นหย่อม ๆ ส่งผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะการจราจรที่ตัดขัด...อ่านต่อ
ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบเครื่องยนต์ฝนตกมาตามนัดทุกวันแบบนี้ ในกรุงเทพฯ และบางพื้นที่ในต่างจังหวัด เกิดน้ำท่วมและน้ำขังเป็นหย่อม ๆ ส่งผลกระทบในหลาย ๆ...อ่านต่อ
Facebook |
  • คุ้มค่า ไม่เอาเปรียบราคา
  • ประกันคุณภาพ ซ่อมเหนือมาตรฐาน
  • บริการด้วยใจ บริการหลังการขาย
  • สิทธิพิเศษ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • YARIS ATIV
  • NEW YARIS
  • VIOS
  • ALTIS
  • C-HR
  • CAMRY
  • GR YARIS
  • GR SUPRA
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • REVO STANDARD CAB
  • REVO SMART CAB
  • REVO DOUBLE CAB
  • HIACE
  • COMMUTER
รถอเนกประสงค์
  • AVANZA
  • SIENTA
  • INNOVA
  • FORTUNER
  • COASTER
  • MAJESTY
  • VELLFIRE
  • ALPHARD
เมนูที่สนใจ
  • สนใจซื้อประกัน
  • สนใจเข้ารับบริการ
  • อยากรู้จัก เค.มอเตอร์ส
  • สนใจร่วมงาน
  • ค้นหาโชว์รูม
  • เค.มอเตอร์ส กูรู
  • เช็กฤกษ์ออกรถ
TOYOTA K.MOTORS TOYOTA’S DEALER

สำนักงานใหญ่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-662-6555
E-mail: customerservice@kmotors.co.th

  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • รถยนต์อเนกประสงค์
  • YARIS ATIV

    เริ่มต้น 539,000 บาท

  • YARIS

    เริ่มต้น 549,000 บาท

  • VIOS

    เริ่มต้น 609,000 บาท

  • COROLLA ALTIS

    เริ่มต้น 839,000 บาท

  • C-HR

    เริ่มต้น 979,000 บาท

  • COROLLA CROSS

    เริ่มต้น 989,000 บาท

  • CAMRY

    เริ่มต้น 1,445,000 บาท

  • GR YARIS

    เริ่มต้น 2,690,000 บาท

  • GR SUPRA

    เริ่มต้น 5,199,000 บาท

  • HILUX REVO STANDARD CAB

    เริ่มต้น 544,000 บาท

  • HILUX REVO SMART CAB

    เริ่มต้น 619,000 บาท

  • HILUX REVO DOUBLE CAB

    เริ่มต้น 699,000 บาท

  • HIACE

    เริ่มต้น 999,000 บาท

  • COMMUTER

    เริ่มต้น 1,269,000 บาท

  • AVANZA

    เริ่มต้น 649,000 บาท

  • SIENTA

    เริ่มต้น 765,000 บาท

  • INNOVA CRYSTA

    เริ่มต้น 1,199,000 บาท

  • FORTUNER

    เริ่มต้น 1,319,000 บาท

  • COASTER

    เริ่มต้น 1,960,000 บาท

  • MAJESTY

    เริ่มต้น 1,709,000

  • VELLFIRE

    เริ่มต้น 3,889,000 บาท

  • ALPHARD

    เริ่มต้น 4,019,000 บาท