อัพเดท : 15 ธันวาคม 2565

โตโยต้า เผยโฉม IMV-0 Concept และ Hilux Revo BEV Concept ต้นแบบของรถยนต์กระบะในอนาคต

เปิดตัวใหม่

มาแน่!! กระบะไฟฟ้า 100% คันแรกของโลก…
โตโยต้า จัดงานเฉลิมฉลอง โตโยต้า ประเทศไทย ครบรอบ 60 ปี ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ พร้อมได้เผยโฉมกระบะแห่งอนาคตToyota IMV-0 Concept (IMV Zero) และ Toyota Hilux Revo BEV Concept ต้นแบบของรถยนต์กระบะอเนกประสงค์และต้นแบบกระบะพลังไฟฟ้า 100% ก่อนเปิดขายจริงในปี 2023 นี้!!

Toyota IMV-0 Concept และ Toyota Hilux Revo BEV Concept

การันตีความเป็นผู้นำด้านยานยนต์มาอย่างยาวนาน และกว่า 60 ปีที่เปิดขายในไทย ล่าสุดในงานเฉลิมฉลองโตโยต้า ประเทศไทย ครบรอบ 60 ปี ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ โตโยต้าจัดเซอร์ไพร์ส เปิดตัวรถกระบะแห่งอนาคตถึง 2 รุ่น 2 แบบ ได้แก่ 

** Toyota IMV-0 Concept กระบะเล็ก ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบและการใช้งาน
** Toyota Hilux Revo BEV Concept กระบะไฟฟ้า 100% คันแรกของโตโยต้า

 

Toyota IMV-0 Concept

Hilux Revo BEV Concept Hilux Revo BEV Concept
Hilux Revo BEV Concept Hilux Revo BEV Concept

สำหรับ Toyota IMV-0 Concept เป็นกระบะขนาดเล็ก ซึ่งมีมิติตัวถังที่เล็กกว่า Hilux REVO แต่มีความอเนกประสงค์ที่มากกว่า เพราะเป็นกระบะ LEGO Concept ที่สามารถถอดชิ้นส่วน ปรับเปลี่ยนท้ายกระบะได้ตามความชอบและลักษณะการใช้งาน เช่น กระบะพื้นเรียบ, กระบะคอก, ตู้ทึบ รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนและตกแต่งให้เป็นรถแคมป์ปิ้ง เป็นต้น

และตัว Toyota IMV-0 มีแผนจะนำมาผลิตที่ไทย พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2023 นี้ !!

 

Toyota Hilux Revo BEV Concept

Hilux Revo BEV Concept Hilux Revo BEV Concept
Hilux Revo BEV Concept Hilux Revo BEV Concept

กระบะไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของโลก และ คันแรกของโตโยต้า  เป็นกระบะตอนเดียว มาพร้อมช่องชาร์จไฟที่บริเวณแก้มหน้าซ้าย โดยมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ด้านหน้าใหม่ เป็นแบบ Closed Grille หรือ กระจังหน้าแบบปิด แตกต่างจาก Hilux REVO รุ่นปกติ

 

ทางด้านมร. อากิโอะ โตโยดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ได้กล่าวถึงรถทั้ง 2 รุ่นไว้บนเวที ด้วยเช่นกัน

“Toyota IMV-0 Concept เป็นต้นแบบรถกระบะที่พัฒนาขึ้นโดยเน้นความอเนกประสงค์ในการใช้งาน รองรับการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้าชาวไทย ทีมวิศวกรของ Toyota กล่าวว่า “รถกระบะรุ่นนี้เปรียบเสมือนกระดาษเปล่า เรามีกระดาษให้คุณ คุณก็นำไปแต่งแต้มสีสัน เราผลิตรถที่พร้อมแต่งออกมาให้คุณเอาไปปรับแต่งเพิ่ม ทุกชิ้นส่วนถูกออกแบบให้สอดคล้องกับการใช้งาน เราตั้งใจออกแบบให้เป็น 3 ส่วน ส่วนกระโปรงหน้ามีข้อต่อที่ถอดประกอบได้ หากกันชนมุมไหนเสียหายก็เปลี่ยนแค่มุมนั้น”

ในขณะที่ มร. อากิโอะ ได้อธิบายถึงความเป็น Toyota Hilux Revo BEV Concept ไว้ว่า “Revo BEV Concept จะเป็นต้นแบบรถกระบะขุมพลังไฟฟ้า 100% (BEV) ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก Hilux Revo ตัวถังตอนเดียว Single Cab ถูกนำมาดัดแปลงติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ช่องชาร์จ ตลอดจนอุปกรณ์ส่วนควบอื่นๆ หน้าตาภายนอกมีการปรับดีไซน์ชุดกระจังหน้าให้มีลักษณะปิดทึบ ตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นต้องดึงอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ พร้อมติดตั้งช่องชาร์จไฟอยู่บริเวณแก้มด้านข้างฝั่งซ้ายของตัวรถ”

 

ข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถทั้ง 2 รุ่น ตัวจริงจะออกมาเป็นอย่างไร สามารถติดตามได้ในปี 2023  และถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารเหล่านี้ อย่าลืมติดตาม โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ทุกช่องทางนะครับ

 

อ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 13 ธันวาคม 2565

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิด ประจำปี 2566

ออกแล้วรุ่ง

มุ่งสู่ความปังในทุกๆ ด้านของชีวิต…
สายมูเตลูมุ่งเข้ามา…ใครเตรียมตัวออกรถปี 2566 นี้ นอกจากดูฤกษ์ออกรถ จองคิวเจิมรถแล้ว การเลือกสีรถให้เหมาะกับวันเกิดก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะช่วยเสริมมงคลแล้ว ยังทำให้เรารู้สึกสบายใจ มีความมั่นใจ และปลอดภัยในการขับขี่ได้ด้วย มาดูกันว่าปีนี้ คนเกิดวันไหน เหมาะกับสีไหน และสีต่างๆ เสริมในเรื่องไหนบ้าง

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิด

สีรถถูกโฉลก สำหรับคนเกิดวันอาทิตย์

สีดำ และสีขาว เสริมในเรื่องของการงาน อำนาจ วาสนาและบารมี ทำให้ชีวิตมีความราบรื่น
สีครีม เสริมในเรื่องของโชคลาภ มั่งมี ช่วยเรียกทรัพย์ ทำมาค้าขึ้น
สีเทา และสีน้ำตาล เสริมในเรื่องของความรัก มีเสน่ห์ คนเมตตาและอุปถัมภ์
สีเขียว และสีบรอนซ์ เสริมในเรื่องของการเดินทางราบรื่น ปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตราย

 

สีรถถูกโฉลกสำหรับคนวันจันทร์

สีเขียว และสีขาว เสริมในเรื่องของการงาน อำนาจ วาสนาและบารมี ทำให้ชีวิตมีความราบรื่น
สีส้ม และสีเหลือง เสริมในเรื่องของโชคลาภ มั่งมี ช่วยเรียกทรัพย์ ทำมาค้าขึ้น
สีฟ้า และสีน้ำเงิน เสริมในเรื่องของความรัก มีเสน่ห์ คนเมตตาและอุปถัมภ์
สีดำ เสริมในเรื่องของการเดินทางราบรื่น ปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตราย

 

สีรถถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันอังคาร

สีดำ และสีแดงเสริมในเรื่องของการงาน อำนาจ วาสนาและบารมี ทำให้ชีวิตมีความราบรื่น
สีส้ม และสีม่วง เสริมในเรื่องของโชคลาภ มั่งมี ช่วยเรียกทรัพย์ ทำมาค้าขึ้น
สีแดง สีบรอนซ์ และสีชมพู เสริมในเรื่องของความรัก มีเสน่ห์ คนเมตตาและอุปถัมภ์
สีน้ำตาล และสีเขียว เสริมในเรื่องของการเดินทางราบรื่น ปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตราย

 

สีรถถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันพุธ (กลางวัน)

สีเขียว และสีส้ม เสริมในเรื่องของการงาน อำนาจ วาสนาและบารมี ทำให้ชีวิตมีความราบรื่น
สีเทา และสีบรอนซ์ทองเสริมในเรื่องของโชคลาภ มั่งมี ช่วยเรียกทรัพย์ ทำมาค้าขึ้น
สีขาว และสีบรอนซ์เงิน เสริมในเรื่องของความรัก มีเสน่ห์ คนเมตตาและอุปถัมภ์
สีดำ และสีเหลือง เสริมในเรื่องของการเดินทางราบรื่น ปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตราย

 

สีรถถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันพุธ (กลางคืน)

สีแดง และสีบรอนซ์ทอง เสริมในเรื่องของการงาน อำนาจ วาสนาและบารมี ทำให้ชีวิตมีความราบรื่น
สีขาว และสีเหลือง เสริมในเรื่องของโชคลาภ มั่งมี ช่วยเรียกทรัพย์ ทำมาค้าขึ้น
สีดำ และสีม่วง เสริมในเรื่องของความรัก มีเสน่ห์ คนเมตตาและอุปถัมภ์
สีบรอนซ์เงิน และสีเหลือง เสริมในเรื่องของการเดินทางราบรื่น ปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตราย

 

สีรถถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดี

สีฟ้า และสีขาว เสริมในเรื่องของการงาน อำนาจ วาสนาและบารมี ทำให้ชีวิตมีความราบรื่น
สีแดง และสีส้ม เสริมในเรื่องของโชคลาภ มั่งมี ช่วยเรียกทรัพย์ ทำมาค้าขึ้น
สีเขียว เสริมในเรื่องของความรัก มีเสน่ห์ คนเมตตาและอุปถัมภ์
สีบรอนซ์ เสริมในเรื่องของการเดินทางราบรื่น ปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตราย

 

สีรถถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันศุกร์

สีฟ้า และสีน้ำเงิน เสริมในเรื่องของการงาน อำนาจ วาสนาและบารมี ทำให้ชีวิตมีความราบรื่น
สีแดง และสีชมพู เสริมในเรื่องของโชคลาภ มั่งมี ช่วยเรียกทรัพย์ ทำมาค้าขึ้น
สีขาว และสีเหลือง เสริมในเรื่องของความรัก มีเสน่ห์ คนเมตตาและอุปถัมภ์
สีเขียว และสีทอง เสริมในเรื่องของการเดินทางราบรื่น ปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตราย

 

สีรถถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันเสาร์

สีม่วง และสีดำ เสริมในเรื่องของการงาน อำนาจ วาสนาและบารมี ทำให้ชีวิตมีความราบรื่น
สีฟ้า และสีน้ำเงิน เสริมในเรื่องของโชคลาภ มั่งมี ช่วยเรียกทรัพย์ ทำมาค้าขึ้น
สีชมพู เสริมในเรื่องของความรัก มีเสน่ห์ คนเมตตาและอุปถัมภ์
สีเทา และสีแดง เสริมในเรื่องของการเดินทางราบรื่น ปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตราย

 

* สีรถต้องห้ามตามวันเกิด

เกิดวันอาทิตย์ ห้ามใช้รถสีน้ำเงิน และสีฟ้า
เกิดวันจันทร์ ห้ามใช้รถสีบรอนซ์ทองและสีแดง
เกิดวันอังคาร ห้ามใช้รถสีครีมและสีขาว
เกิดวันพุธ (กลางวัน) ห้ามใช้รถสีโอลด์โรสและสีชมพู
เกิดวันพุธ (กลางคืน) ห้ามใช้รถสีส้ม
เกิดวันพฤหัสบดี ห้ามใช้รถสีม่วง สีดำ และ สีน้ำเงิน
เกิดวันศุกร์ ห้ามใช้รถสีน้ำตาลและสีเทา
เกิดวันเสาร์ ห้ามใช้รถสีส้มและสีเขียว

 

 

 

อ่านบทความที่น่าสนใจ

อัพเดท : 13 ธันวาคม 2565

ขับรถน้ำมันใกล้หมดถัง เครื่องยนต์ทำงานหนัก ปั๊มติ๊กพัง

เสียหายหนัก

ระวัง!! อย่าปล่อยให้น้ำมันใกล้หมดค่อยเติม…
การปล่อยให้มีน้ำมันในถังน้อยกว่า ¼ ของถังบ่อยๆ เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดสนิมหรือคราบตะกอนต่างๆ และทำให้เกิดการปนเปื้อนในน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ก่อให้เกิดผลเสียกับระบบเครื่องยนต์ ปกติเวลาเครื่องยนต์ทำงาน น้ำมันเชื้อเพลิงจะวิ่งผ่านภายในปั๊มติ๊กตลอดเวลา เพื่อช่วยระบายความร้อนของปั๊มติ๊ก

แต่หากปล่อยให้ น้ำมันใกล้หมดถัง หรือ น้ำมันในถังมีน้อยมาก บ่อยๆจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก โดยเฉพาะรถที่เป็นเชื้อเพลิง 2 ระบบ (CNG) ยิ่งควรระวัง เพราะปั๊มติ๊กจะทำงานตลอดเวลาแต่ไม่มีน้ำมันหล่อเลี้ยง มีโอกาสทำให้ปั๊มพังได้ และอาจจะส่งผลทำให้เครื่องยนต์สตารตติดยาก ติดๆ ดับๆ วิ่งแล้วกระตุก หรือมีอาการเครื่องยนต์สะดุด เป็นต้น หรือในกรณีที่น้ำมันเกิดหมดปั๊มจะทำการดูดอากาศเข้ามาแทน ทำให้ไม่มีเชื้อเพลิงไปหล่อเลี้ยงปั๊ม นำมาซึ่งปัญหาและเกิดการสึกหรอง่าย รวมถึงอาจส่งส่งผลไปถึงเครื่องยนต์ได้ ทางที่ดีหากน้ำมันเหลือ 1 ขีดแล้ว ควรเติมน้ำมันได้แล้วครับ

 

วิธีประหยัดน้ำมัน หากเลี่ยง น้ำมันใกล้หมดถัง ไม่ได้ !

 

1. อย่าพยายามเบรกบ่อยๆ เนื่องจากการเหยียบเบรกหรือคันเร่งบ่อยๆ จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากยิ่งขึ้น
2. ไม่ขับรถเร็วเกินไป โดยระดับความเร็วในการขับขี่ที่เหมาะสม ที่ประมาณ 50-70 กิโลเมตร/ชั่วโมง
3. ควรปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ เช่น แอร์, หรือวิทยุ ทั้งหมด เพราะการเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นการดึงพลังงานจากเชื้อเพลิงมาใช้ เมื่อทำการปิดจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
4. พยายามหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีรถติด 

เติมน้ำมันผิด
เติมน้ำมันผิด

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 23 พฤศจิกายน 2565

ขับรถลุยน้ำท่วม อย่างไรให้ปลอดภัย หลังขับรถยนต์ลุยน้ำต้องตรวจสอบอะไร

เสี่ยงรถพัง

เดินทางอย่างไรให้ปลอดภัยในขณะน้ำท่วม…
ฤดูฝนบ้านเรา คนใช้รถ ใช้ถนน มักเจอเหตุการณ์น้ำท่วมรอระบาย ซึ่งบางครั้งต้องรอกันหลายชั่วโมงเลยครับ เวลาขนาดนั้นการขับรถลุยน้ำ ก็เสี่ยงที่จะทำให้รถยนต์คุณเกิดความเสียหายได้ ไม่มากก็น้อย หรือไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ช่างเคจึงมีเทคนิคในการขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัยมาแนะนำครับ

ขับรถลุยน้ำท่วม อย่างไรให้ปลอดภัย..

 

 

1. กดปิดปุ่มสวิตช์แอร์ เพื่อไม่ให้น้ำเข้ามาทางพัดลมหน้าเครื่อง เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย

2. เข้าตำแหน่งเกียร์ต่ำ เพื่อให้รถสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆ

3. เว้นระยะห่างจากรถยนต์คันหน้าประมาณ 2 เมตร เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

4. ไม่แนะนำให้ขับรถยนต์ลุยน้ำท่วมเกิน 20 เซนติเมตร หรือระดับขอบฟุตบาท เพราะจำทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

 

หลัง ขับรถยนต์ลุยน้ำท่วม ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง….

 

1.ห้ามดับเครื่องทันที เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

2.เปิดสวิตช์แอร์ เพื่อดูการทำงานของระบบแอร์ว่ายังปกติอยู่หรือไม่

3.ย้ำเบรก เพื่อไล่ความชื้นในระบบเบรก

4.เปิดฝากระโปรง เพื่อตรวจสอบการทำงานของมอเตอร์พัดลมว่ายังทำงานปกติอยู่หรือไม่

5.หลังจากนั้นให้ดับเครื่อง เพื่อทำการวัดระดับน้ำมันเครื่องว่ายังอยู่ในระดับที่ปกติหรือไม่ ถ้าระดับน้ำมันเครื่องเกินแสดงว่ามีน้ำเข้ามาเจือปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง ถ้ามีสัญลักษณ์ไฟเครื่องยนต์ขึ้นที่หน้าปัด แสดงว่าเครื่องยนต์กำลังมีปัญหา ต้องรีบนำไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการทันที

 

น้ำท่วมระดับไหนที่ควรเลี่ยง!!

 

– ระดับน้ำ 5-10 ซม. ยังไม่อันตราย ขับผ่านได้ทุกคัน

– ระดับน้ำ 10-20 ซม. ยังปลอดภัย ขับผ่านได้ แต่ต้องระมัดระวัง อาจได้ยินเสียงน้ำใต้ท้องรถและคลื่นเมื่อขับสวนกัน

– ระดับน้ำ 20-40 ซม. เริ่มเสี่ยง รถเล็กน้ำท่วม 3/4 ของล้อ ต้องระวัง ! กระบะผ่านได้

– ระดับน้ำ 40-60 ซม. ควรเลี่ยง รถเก๋งให้ปิดแอร์ขณะขับ กระบะเริ่มเสี่ยงแต่ยังฝ่าไปได้

– ระดับน้ำ 60-80 ซม. อันตราย ควรใช้เส้นทางอื่น ไม่ควรขับลุยโดยเด็ดขาด

 

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 22 พฤศจิกายน 2565

กด ปุ่มเปิดรับอากาศภายนอก ช่วยให้ขับรถไม่ง่วง ?

ช่วยได้นะ!

ลดอาการง่วงซึม ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยขึ้น…
ปุ่มอากาศหมุนเวียนภายในรถหรือปุ่มเปิดรับอากาศภายนอก โดยทั่วไปแล้วควรเปิดเพื่อให้อากาศหมุนเวียนภายในห้องโดยสารเท่านั้น แต่ถ้าวันไหนเดินทางไกล อยากรับลมและอากาศจากภายนอก สามารถกดปุ่มนี้เพื่อดึงอากาศจากภายนอกเข้ามาในตัวรถได้

ปุ่มเปิดรับอากาศภายนอก ทำงานโดยดึงอากาศจากภายนอกเข้ามา จะช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ภายในห้องโดยสาร ซึ่งที่เกิดจากการหายใจของผู้โดยสาร และช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจน ช่วยลดอาการง่วงซึมขณะขับรถได้

 

เปิดปุ่ม ปุ่มเปิดรับอากาศภายนอก จะช่วยให้ไม่ง่วงจริงเหรอ?

 

ช่วยได้จริงครับ !! หากมีการเดินทางต่อเนื่องยาวนานหลายชั่วโมง เช่น การเดินทางไปต่างจังหวัด อากาศที่หมุนเวียนภายในรถ ออกซิเจนในรถจะเริ่มน้อยลงจากการที่เราหายใจเข้า-ออก ทำให้เกิดรู้สึกง่วง ถ้ากดปุ่มอากาศหมุนเวียนภายในรถ เพื่อเปิดรับอากาศจากภายนอกเข้ามาในรถ จะทำให้มีออกซิเจนเข้ามาด้วย ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และไม่ง่วงนั่นเองครับ

 

ประโยชน์ของการเปิด ปุ่มเปิดรับอากาศภายนอก 

 

  1. ทำให้รู้สึกสดชื่นและลดอาการง่วงนอนหรือเมื่อยล้าในขณะขับขี่ เพราะอากาศภายนอกจะมีออกซิเจนมากกว่าอากาศที่ใช้หมุนวนอย่างต่อเนื่อง
  2. ระบบแอร์เย็นเร็วขึ้น เพราะเปิดปุ่มเปิดรับอากาศจากภายนอกก็เหมือนการเปิดหน้าต่างรถยนต์ ทำให้อากาศหมุนเวียน แอร์จะเย็นเร็วขึ้น
  3. กระจกเกิดฝ้าน้อยลง เวลาขับรถอากาศเย็นๆ กระจกอาจเกิดฝ้า จึงควรเปิดปุ่มเปิดรับอากาศจากภายนอกเข้ามาแล้วใช้ระบบทำความร้อนในรถ ซึ่งช่วยลดการเกิดฝ้าได้
  4. ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น เมื่อแอร์เย็นเร็ว ก็ช่วยประหยัดแอร์ได้มากขึ้น

 

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ