Skip to content
  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • Promotions
      โปรโมชั่น
    • Auto Reviews
      รีวิวรถยนต์
    • News & Events
      ข่าวและกิจกรรม
    • K.Motors Privileges
      สิทธิพิเศษ
    • Privacy & Security Policy
      นโยบายความเป็นส่วนตัว
Call Center : 02-662-6555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1//kmotors-guru//2025-12-05//2023//15430 Views33070

+ 2

+ 1

+ 0

  • Facebook iconFacebook
อัพเดท : 16 ตุลาคม 2561

การลากจูงรถเกียร์อัตโนมัติ ควร “ลากจูง” อย่างไรให้ถูกวิธี ไม่ให้รถพังซ้ำๆ !! มีคำตอบ….

ลากจูงรถออโต้

ข้อควรรู้และเทคนิคการลากจูง
“การลากจูงเกียร์อัตโนมัติ” เป็นวิธีผู้ขับขี่ทำประจำเมื่อเกิดเหตุการณ์รถเสีย ไกลบ้าง ใกล้บ้าง เพื่อหลบอยู่ในที่ที่ปลอดภัยระหว่างรอการลากจูงก่อนเดินทางไปพบช่าง โดยสิ่งที่หลายคนอาจไม่คาดคิด คือ การลากจูง หากทำผิดวิธีนั้น เสี่ยง “รถพัง” ได้

การลากจูงรถยนต์ เกียร์อัตโนมัติ

เมื่อรถยนต์ที่คุณขับเกิดอาการเสียแบบกะทันหัน ดับกลางทาง ทั้งที่คนพลุ่งพล่านหรือเส้นทางเปลี่ยว “การลากจูง” คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักเลือกกระทำ แต่…มีผู้ขับขี่รถยนต์จำนวนมากที่คิดว่าจะ “ลากจูง” แบบไหนก็ได้ ขอให้ถึงมือช่างก็พอ ผมกำลังจะบอกว่าเป็นการเข้าใจผิดๆ ครับ เพราะหากลากจูงรถไปแบบผิดวิธี อาจจะยิ่งซ้ำเติมให้รถคุณ “พัง” มากขึ้น

แล้ว “การลากจูง” แบบไหนถึงจะถูกวิธี ช่างเคจะมาแนะเทคนิคสำหรับการลากจูงรถเกียร์ออโต้กันก่อนครับ

 

หากรถยนต์เกียร์อออโตเสียกลางทาง ควร “ลากจูง” อย่างไรไม่ให้รถพังซ้ำๆ!!

วิธีการลากหรือเคลื่อนย้ายรถยนต์นั้น หากรถของคุณขับเคลื่อนล้อใด (ขับเคลื่อนล้อหน้า – ขับเคลื่อนล้อหลัง) คุณต้องใช้รถยก ยกล้อนั้นๆ ขึ้นให้พ้นพื้นถนน เพราะส่วนใหญ่รถที่เสียมักจะสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ได้ เมื่อเครื่องยนต์ไม่ทำงาน ปั๊มน้ำมันเกียร์ก็ไม่ทำงานเช่นกัน ทำให้ชุดเกียร์และฟันเฟืองต่างๆ ทำงานโดยไม่มีการหล่อลื่นหากมีการลากจูง ส่งผลให้เกิดการเสียดสีอย่างรุนแรง รวมไปถึงทำให้เกิดความร้อนสูงในห้องเกียร์ ยิ่งถ้าลากไประยะทางไกลๆ เกียร์พังทันทีแน่นอน!! แต่ถ้าไม่มีรถยกต้องลากแบบช้าๆ อย่าให้เกิน 30 กม./ชม. และระยะทางไม่ควรเกิน 10 กม. ถ้าจะลากไกลกว่านั้น ต้องหยุดพักซัก 15-30 นาทีก่อน แล้วค่อยลากกต่อเพื่อเข้าศูนย์บริการทำการซ่อมแก้ไข

 

ข้อควรรู้ คือ ระหว่างการลากจูง ควรทำการเติมน้ำมันเข้าไปในตัวเกียร์ด้วย ซึ่งโดยปกติเกียร์ออโต้จะเติมน้ำมันที่ช่องไม้วัดระดับน้ำมันเกียร์ อย่างน้อย 2 – 3 ลิตร  เพื่อให้น้ำมันภายในตัวเกียร์เพิ่มระดับ ช่วยในการหล่อเลี้ยงเพลาเกียร์  ไม่ให้เกิความเสียหาย ทั้งนี้หากไม่มีน้ำมันเกียร์เติม  อาจใช้น้ำมันเครื่องใสๆ แทนได้   เมื่อถึงจุดหมายแล้วค่อยถ่ายออก  เพียงเท่านี้การลากจูงรถออโต้  เกียร์ก็จะไม่พังแล้วครับ

 

เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการที่ต้องลากจูงรถขึ้น ไม่ว่าจะกรณีไหนๆ แต่ก็เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างน้อยก็มีความรู้พื้นฐาน และเตรียมพร้อมรับมือตลอดเวลา

 

1.อุปกรณ์พร้อม  สิ่งสำคัญในการลากจูงรถไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความพร้อมของตัวคุณเองด้วย เพราะการลากรถนั้นจำเป็นต้องใช้สิ่งของที่ทำให้รถ 2 สามารถพ่วงเข้าหากัน ลากจูงกันไปได้ ส่วนใหญ่จะนิยมใช้เชือกสลิงและแป๊บลาก หากต้องการความทนทานและมั่นใจในการลากมากที่สุด แนะนำให้ใช้แป๊ปลากครับ เพราะเชือกอาจเกิดการขาดระหว่างทางได้

2.หารถลาก  ทางออกที่ดีที่สุดในการใช้รถลากคือรถกระบะ เนื่องจากรถกระบะมีแรงบิดในรอบต่ำดีจากเครื่องยนต์ดีเซล ทำให้ลากได้ง่ายกว่ารถเก๋งด้วยกัน หรือจะใช้บริการแท็กซี่ลากรถก็ยังพอไหว แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไปนะครับ

 

3.ลุย รถยนต์สมัยจะมีจุดลากมาเป็นห่วงเล็กๆ ที่ยึดเข้ากับแชสซีโดยตรง ทำให้มีความแข็งแรงและไม่สร้างความเสียหายต่อตัวรถ แต่หากไม่มี ให้ยึดกับจุดใดก็ได้ที่เป็นแชสซีของรถ หรือไม่ก็ต้องเป็นชิ้นส่วนที่ติดกับโครงสร้างหลักโดยตรง

 

4.รู้วิธีขับให้รอดเป็นยอดดี ขับรถดี  รู้จักรถดี ดูแลรถนี้ ข้อนี้สำคัญที่สุดครับ….

 

อ่านเรื่อง K.Motors GU RU หัวข้ออื่นๆ

  • เคล็ดลับการใช้งาน “ปุ่ม Push Start”
  • เติมน้ำมันผิด ทำอย่างไรดี!!
  • สัญญาณไฟหน้าปัดรถ แจ้งเด้งเตือน
  • ดูหน้าอื่นๆ เพิ่มเติม

 

 

 

69336:20082 Views10191

ไฟเตือนน้ำมันโชว์ ขับต่อได้อีกกี่กิโลโมตร ?

แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์เค...อ่านต่อ
แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
66764:20486 Views7431

ใช้เกียร์ S ตอนไหนดี ให้เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด..

เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ช่วยควบคุมกา...อ่านต่อ
เปลี่ยนเกียร์ S เครื่องยนต์กำลังสูง
การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือ...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
70305:17776 Views7074

รถไม่ค่อยวิ่ง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนดี ?

เปลี่ยนตอนไหนดูแลรักษาอย่างไร…
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หลักๆ คือ หล่อลื่นชิ้นส่วน , ระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ , ชะล้างทำความสะอาด ,ป้องกันสนิมและการกัดกร่อน ,รักษากำลัง...อ่านต่อ
เปลี่ยนตอนไหนดูแลรักษาอย่างไร…
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หลักๆ คือ หล่อลื่นชิ้นส่วน , ระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ , ชะล้างทำความสะอาด ,ป้องกัน...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
72676:17290 Views7021

วิธีเข้าเกียร์ เมื่อจอดรถเพื่อถนอมเกียร์

ช่วยทำให้อายุการใช้งานเกียร์นานขึ้น…
การจอดรถไม่ถูกวิธีส่งผลทำให้เกียร์เกิดการสึกหรอ หรือทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ในระยะยาว วิธีการเข้าเกียร์ที่ถูกต้องเมื่อจอดรถจะช่วยล...อ่านต่อ
ช่วยทำให้อายุการใช้งานเกียร์นานขึ้น…
การจอดรถไม่ถูกวิธีส่งผลทำให้เกียร์เกิดการสึกหรอ หรือทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ในระยะยาว วิธีการเข้าเกี...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
84607:15544 Views4352

หมุนพวงมาลัยซ้าย – ขวา แล้วมีเสียงดัง เกิดจากอะไร แก้ยังไง

ผิดปกติส่งผลเสียหายกับรถยนต์ได้…
เนื่องจากชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการหมุนพวงมาลัยหรือที่เรียกว่าระบบบังคับเลี้ยว นอกจากจะมีระบบบังคับเลี้ยวแล้วยังเกี่ยวเนื่องกับระบบรองรับ...อ่านต่อ
ผิดปกติส่งผลเสียหายกับรถยนต์ได้…
เนื่องจากชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการหมุนพวงมาลัยหรือที่เรียกว่าระบบบังคับเลี้ยว นอกจากจะมีระบบบังคับเลี้ยวแล...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
73859:16779 Views3630

91 กับ 95 แบบไหนกินน้ำมันมากกว่ากัน เติมแบบไหนดี

น้ำมันแบบไหนได้ประสิทธิภาพดีที่สุด….
คิดว่าคงสงสัยว่าตัวเลขที่เราเห็นตามปั๊มน้ำมันที่มีตัวเลขเบนซิน 91 หรือเบนซิน 95 หรือแก๊สโซฮอล์ 91 และ แก๊สโซฮอล์ 95 ตัวเลขที่ต่อท้ายชน...อ่านต่อ
น้ำมันแบบไหนได้ประสิทธิภาพดีที่สุด….
คิดว่าคงสงสัยว่าตัวเลขที่เราเห็นตามปั๊มน้ำมันที่มีตัวเลขเบนซิน 91 หรือเบนซิน 95 หรือแก๊สโซฮอล์ 91 และ แก...อ่านต่อ
  • Facebook iconFacebook
  • คุ้มค่า ไม่เอาเปรียบราคา
  • ประกันคุณภาพ ซ่อมเหนือมาตรฐาน
  • บริการด้วยใจ บริการหลังการขาย
  • สิทธิพิเศษ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • YARIS ATIV
  • YARIS
  • YARIS CROSS
  • COROLLA ALTIS
  • COROLLA CROSS
  • CAMRY
  • BZ4X
  • GR 86
  • GR YARIS
  • GR COROLLA
  • GR SUPRA
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • HILUX CHAMP
  • REVO STANDARD CAB
  • REVO SMART CAB
  • REVO DOUBLE CAB
  • HIACE
  • COMMUTER
  • MAJESTY
รถอเนกประสงค์
  • VELOZ
  • FORTUNER
  • INNOVA
  • COASTER
  • ALPHARD
เมนูที่สนใจ
  • สนใจซื้อประกัน
  • สนใจเข้ารับบริการ
  • สนใจร่วมงานกับเรา
  • อยากรู้จัก เค.มอเตอร์ส
  • ค้นหาโชว์รูม
  • เค.มอเตอร์ส กูรู
  • เช็กฤกษ์ออกรถ
TOYOTA K.MOTORS TOYOTA’S DEALER

สำนักงานใหญ่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-662-6555
E-mail: customerservice@kmotors.co.th

  • Buying a Car
    สนใจซื้อรถ
  • Buying Insurance
    สนใจซื้อประกัน
  • Car Service
    สนใจเข้ารับบริการ
  • Our Story
    อยากรู้จักเรา
  • Join Us
    ร่วมงานกับเรา
  • Horoscope
    ฤกษ์ดี…มีสิริมงคล
  • K.Motors Guru
    เค.มอเตอร์ส กูรู
  • Promotions
    โปรโมชั่น
  • Auto Reviews
    รีวิวรถยนต์
  • News & Events
    ข่าวและกิจกรรม
  • Privileges
    สิทธิพิเศษ
  • Privacy & Security Policy
    นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
  • รถยนต์เพื่อการพาณิชย์
  • รถยนต์อเนกประสงค์
  • GR GAZOO RACING
  • YARIS ATIV

    เริ่มต้น 549,000 บาท

  • YARIS

    เริ่มต้น 559,000 บาท

  • YARIS CROSS

    เริ่มต้น 789,000 บาท

  • COROLLA ALTIS

    เริ่มต้น 894,000 บาท

  • COROLLA CROSS

    เริ่มต้น 999,000 บาท

  • CAMRY

    เริ่มต้น 1,455,000 บาท

  • BZ4X

    เริ่มต้น 1,529,000 บาท

  • HILUX CHAMP

    เริ่มต้นที่ 459,000 บาท

  • REVO STANDARD CAB

    เริ่มต้น 584,000 บาท

  • REVO SMART CAB

    เริ่มต้น 669,000 บาท

  • REVO DOUBLE CAB

    เริ่มต้น 744,000 บาท

  • HIACE

    เริ่มต้น 1,019,000 บาท

  • COMMUTER

    เริ่มต้น 1,289,000 บาท

  • MAJESTY

    เริ่มต้น 1,989,000 บาท

  • VELOZ

    เริ่มต้น 795,000 บาท

  • FORTUNER

    เริ่มต้น 1,239,000 บาท

  • INNOVA ZENIX

    เริ่มต้น 1,379,000 บาท

  • COASTER

    เริ่มต้น 1,960,000 บาท

  • ALPHARD

    เริ่มต้น 4,129,000 บาท

  • GR 86

    เริ่มต้น 2,949,000 บาท

  • GR YARIS

    เริ่มต้น 3,499,000 บาท

  • GR COROLLA

    เริ่มต้น 4,199,000 บาท

  • GR SUPRA

    เริ่มต้น 5,349,000 บาท