อัพเดท : 20 กุมภาพันธ์ 2567

ไฟเตือนน้ำมันโชว์ ขับต่อได้อีกกี่กิโลโมตร ?

ไปต่อได้

แต่ไม่ควรปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ
โดยทั่วไปแล้ว ควรเติมน้ำมันเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง เพื่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน

ไฟเตือนน้ำมันโชว์

ปัจจุบันรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่มักจะมีระบบแจ้งเตือนระยะทางคงเหลือจากปริมาณน้ำมันในถังมาให้ด้วย ซึ่งตัวเลขที่แสดงให้เห็นดังกล่าวมักออกแบบเผื่อไว้ให้ผู้ขับขี่เสมอ แม้ว่าเข็มแสดงปริมาณน้ำมันจะแจ้งว่าน้ำมันรถของคุณเกลี้ยงถังไปแล้วหรือมีไฟเตือน แต่ความจริงยังคงมีน้ำมันเหลืออยู่ราว 4-6 ลิตร ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ

 

 

ดังนั้น หากคำนวณคร่าวๆ ว่า ถ้ารถยนต์กินน้ำมันอยู่ที่ 15 กิโลเมตรต่อลิตร จะสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางราว 15×6 = 90 กิโลเมตร แต่หากเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องขับๆ จอดอยู่เรื่อยๆ หรือจอดติดโดยไม่ได้ขยับอยู่หลายๆ นาที ตัวเลขระยะทางที่วิ่งได้จะลดต่ำลงกว่านั้นมากๆ หรือถ้ารถยนต์กินน้ำมันอยู่ที่ 10 กิโลเมตรต่อลิตร จะวิ่งได้ประมาณ 60 กิโลเมตร เป็นต้น

 

ทางที่ดีไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเกลี้ยงถังบ่อยๆ เพราะอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบปั๊มเชื้อเพลิงในรถเครื่องยนต์เบนซิน หากน้ำมันน้อยจะเกิดความร้อนสะสมได้ง่ายและทำให้ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงเสียหายเร็วขึ้น ดังนั้นเมื่อเผลอขับจนไฟเตือนน้ำมันโชว์ถึงแม้รู้ว่ายังขับได้อีกประมาณ 40-60 กิโลเมตร ก็ควรจะรีบเติมน้ำมันจะดีกว่าครับ

 

เติมน้ำมันอย่างไรให้ประหยัดน้ำมันมากที่สุด… ไฟเตือนน้ำมันโชว์

1. เติมน้ำมันเวลาไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเติมช่วงเช้าหรือกลางคืน
เพราะกฎหมายกำหนดไว้ให้ปั๊มน้ำมันทุกแห่งมีถังน้ำมันใต้ดินและมีการควบคุมอุณหภูมิ ทำให้ไม่ว่าจะเติมน้ำมันตอนเช้าหรือกลางคืนก็จะได้ปริมาณที่เท่ากันครับ ความเชื่อที่ว่าเติมน้ำมันช่วงเช้าและช่วงเย็นจะได้ปริมาณเยอะๆ จึงไม่มีผล ช่างเคแนะนำให้เติมเวลาที่สะดวกจะดีที่สุดครับ

 

2. เติมน้ำมันให้เกิน ¾ ของถัง และเติมใหม่เมื่อใช้จนเหลือ ¼ เป็นวิธีช่วยประหยัดน้ำมันที่สุด และยังช่วยถนอมเครื่องยนต์ให้มีอายุการใช้งานได้นานอีกด้วย ทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของปั๊มติ๊ก ช่วยระบายความร้อน และทำให้การจ่ายน้ำมันเพียงพอสำหรับการสร้างแรงดันที่เหมาะสมในการขับขี่ ส่งผลดีต่อสมรรถนะเครื่องยนต์ในระยะยาวนั่นเองครับ

 

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 19 กุมภาพันธ์ 2567

แห่ชมเปิดตัว Corolla Cross ใหม่ คับคั่ง..

รถใหม่

ที่กำลังเป็นกระแสมากที่สุดในตอนนี้…
เมื่อวันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โตโยต้า เค.มอเตอร์ส จัดกิจกรรมเปิดตัวรถใหม่ Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรล่า ครอส) อย่างเป็นทางการ พร้อมจัดโชว์รุ่น Hybrid ทุกรุ่น พร้อมกิจกกรมให้ร่วมสนุก รับของรางวัลกลับบ้านมากมาย…

ผ่านพ้นไปเรียบร้อยสำหรับกิจกรรมเปิดตัวรถใหม่ Toyota Corolla Cross รุ่นปรับโฉมใหม่ 2024 งานนี้ลูกค้าให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เดินทางมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง รับชมรถยนต์ Toyota Corolla Cross ใหม่ ที่เค.มอเตอร์ส จัดมาให้ชมรุ่น Hybird ถึง 3รุ่นกันอย่างจุใจ ทั้งรุ่น Premium, Premium Luxury และ GR Sport ลูกค้าหลายคนถึงกับออกปากชม มาดูด้วยตาเนื้อสวยกว่าเห็นในภาพเยอะ นอกจากภายในงานจะได้รับชม Corolla Cross แบบทุกซอกทุกมุมแล้ว เคมอเตอร์ส ยังจัดพื้นที่ให้คำปรึกษาเรื่องรถ แนะนำโดยช่างเคผู้ชำนาญการ อยากรู้เรื่องไหน มีปัญหาเรื่องอะไร ถามมา…ช่างเค ตอบได้ หรือใครที่อยากได้อะไหล่ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำยาขจัดเขม่า แบตเตอรี่ ช่างเคก็มีแนะนำเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านี้..ภายในงานยังได้จัด Station Test Drive สำหรับลูกค้าที่อยากสัมผัสประสบการณ์ขับจริง ก่อนตัดสินใจจอง และสำหรับลูกค้าที่จองภายในงานรับของพรีเมียมเป็นกระเป๋าอเนกประสงค์จาก Corolla Cross กลับบ้านทันที งานนี้บอกเลยว่าไม่มีใครเดินกลับบ้านตัวเปล่าแน่นอน….

  Corolla Cross Corolla Cross Corolla Cross
Corolla Cross Corolla Cross Corolla Cross
Corolla Cross Corolla Cross Corolla Cross
Corolla Cross Corolla Cross Corolla Cross
Corolla Cross   Corolla Cross Corolla Cross
 Corolla Cross Corolla Cross Corolla Cross
Corolla Cross Corolla Cross Corolla Cross
Corolla Cross Corolla Cross Corolla Cross

 

อัพเดท : 10 กุมภาพันธ์ 2567

ผลบวกป้ายทะเบียนรถมงคล ปี 2567

เลขไหนดี

เลขไหนมงคลเสริมชีวิต เลขไหนเลี่ยง…
เลขทะเบียนรถยนต์มงคลก็เป็นอีกความเชื่อหนึ่งที่ว่ากันว่าถ้าหมายเลขทะเบียนดี จะช่วยส่งเสริมผู้ขับขี่ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการขับขี่ให้แคล้วคลาดปลอดภัย รวมไปถึงนำทางไปสู่เป้าหมายและสิ่งดีๆ เป็นต้น

ซึ่งในบทความนี้ได้นำเอาวิธีการคำนวณ ผลบวกของทะเบียนรถยนต์ทั้งหมายเลขและตัวอักษร มาดูกันว่าป้ายทะเบียนรถของใครจะเป็นหมายเลขมงคลบ้าง…

 

วิธีคำนวณ ผลบวกป้ายทะเบียนรถมงคล

นำเลขในป้ายทะเบียนแต่ละตัวทั้งหมดมาบวกรวมกัน ถ้าบวกกันได้เลข 2 หลัก ให้นำเลขแต่ละตัวมาบวกกันอีกครั้งจนได้เลขตัวเดียว

เช่น เลขทะเบียน 7890 ให้นำ 7+8+9+0 = 24 จากนั้นให้นำ 2+4= 6 ฉะนั้นหมายเลข 6 คือความหมายที่แท้จริงของผลรวมหมายเลขทะเบียน จากนั้นให้ไปดูความหมายของเลข 6 เป็นต้น

 

ความหมายของ ผลบวกป้ายทะเบียนรถมงคล ตามหมายเลขต่างๆ มีดังนี้

 

  • ผลรวมเท่ากับ 1  หมายถึง เสริมด้านอำนาจบารมี
  • ผลรวมเท่ากับ 2  หมายถึง เสริมด้านการงาน ด้านบริการ ค้าขาย และการเงินการธนาคาร
  • ผลรวมเท่ากับ 3  หมายถึง อาชีพในเครื่องแบบจะยิ่งมงคล
  • ผลรวมเท่ากับ 4  หมายถึง เสริมด้านชื่อเสียง ต่อรองเป็นผลสำเร็จ
  • ผลรวมเท่ากับ 5  หมายถึง เสริมด้านความน่าเชื่อถือ การค้าขาย ขับขี่อย่างปลอดภัย
  • ผลรวมเท่ากับ 6  หมายถึง เสริมด้านการอุปถัมภ์ค้ำชู การเงินและความรัก
  • ผลรวมเท่ากับ 7  หมายถึง เสริมความรุ่งเรือง โดยเฉพาะเกษตรกรรม หรือผู้ใช้แรงงาน
  • ผลรวมเท่ากับ 8  หมายถึง เสริมด้านความร่ำรวย รุ่งเรือง ค้าขายดี มีคนยกย่อง
  • ผลรวมเท่ากับ 9  หมายถึง เสริมให้แคล้วคลาด ปลอดภัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง

 

ผลรวมเลขทะเบียนรวมกับตัวอักษร

 

ตัวอักษรบนป้ายทะเบียน สามารถแปลงเป็นตัวเลขเพื่อคำนวณผลรวมได้ เมื่อได้ผลรวมเป็นตัวเข 2 หลัก สามารถดูความหมายได้เลย ไม่ต้องนำแต่ละตัวมาบวกกันอีก ซึ่งความหมายของ ผลรวมเลขทะเบียนรวมกับตัวอักษร มี 3 ระดับ คือ ดีมาก ดี และไม่ดี

  • ดีมาก เสริมเจริญรุ่งเรือง มีโอกาสในการประสบความสำเร็จสูง ได้แก่ผลรวมหมายเลข 2, 4, 5, 6, 9, 14, 15, 19, 23, 24, 36, 41, 42, 45, 46, 50, 51, 54, 55, 56, 59, 63, 64, 65
  • ดี มีโอกาสประสบความสำเร็จแต่ต้องใช้พยายาม ได้แก่ผลรวมหมายเลข 20, 32, 40, 44, 69, 79
  • ไม่ดี มีอุปสรรคกีดขวาง เช่น ด้านการงาน การเงิน ความรัก และการเดินทาง ได้แก่ผลรวมหมายเลข 3, 7, 11, 12, 17, 21, 27, 29, 30, 33, 34, 37, 43, 48

 

วิธีการคำนวณผลรวมเลขทะเบียนรวมกับตัวอักษร

 

ตัวเลข       ตัวอักษร
   1            ก ด ถ ท ภ
   2           ข บ ป ง ช
   3           ค ธ ร ญ ษ
   4           ต ฒ ฆ
   5           ฉ ณ ฌ น ม ห ฮ ฎ ฬ
   6           จ ล ว อ
   7           ศ ส  
   8          ย ผ ฝ พ ฤ
   9          ฐ

 

หมายเลขทะเบียนและตัวอักษร (ไม่) มงคล ประจำวันเกิด

 

คนเกิดวันอาทิตย์
เลขที่ควรเลี่ยง คือ 6, 3
ตัวอักษรที่ควรเลี่ยง คือ ศ ษ ส ห ฬ ฮ

 

คนเกิดวันจันทร์
เลขที่ควรเลี่ยง คือ 1, 5
ตัวอักษรที่ควรเลี่ยง คือ อ

 

คนเกิดวันอังคารเลขที่ควรเลี่ยง คือ 1, 2
ตัวอักษรที่ควรเลี่ยง คือ ก ข ค ฆ ง

 

คนเกิดวันพุธ (กลางวัน)
เลขที่ควรเลี่ยง คือ 3, 8
ตัวอักษรที่ควรเลี่ยง คือ จ ฉ ช ซ ฌ ญ

 

คนเกิดวันพุธ (กลางคืน)
เลขที่ควรเลี่ยง คือ5 , 4
ตัวอักษรที่ควรเลี่ยง คือบ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม

 

คนเกิดวันพฤหัสบดี
เลขที่ควรเลี่ยง คือ 7
ตัวอักษรที่ควรเลี่ยง คือ ด ต ถ ท ธ น

 

คนเกิดวันศุกร์
เลขที่ควรเลี่ยง คือ 7, 8
ตัวอักษรที่ควรเลี่ยง คือ ย ร ล ว

 

คนเกิดวันเสาร์
เลขที่ควรเลี่ยง คือ 4,6
ตัวอักษรที่ควรเลี่ยง คือ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ

 

 

 

อ่านบทความที่น่าสนใจ

อัพเดท : 1 กุมภาพันธ์ 2567

Yaris & Ativ จัดใหญ่ All Like All Love

จัดใหญ่

เล่นสนุก พร้อมลุ้นรับของรางวัล…
รถเล็ก ขายดีติดอันดับ Yaris & Ativ จัดกิจกรรมส่งความสุข มอบความพิเศษ ให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของกันอย่างต่อเนื่อง กับอีเวนท์ Yaris & Ativ “ All Like All Love” ในวันเสาร์ ที่ 27 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ณ โชว์รูมโตโยต้า เค.มอเตอร์ส

ได้รับความนิยมกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับรถยนต์รุ่นเล็กจากโตโยต้า อย่าง Toyota New Yaris และ Toyota Ativ ล่าสุดจับมือกันจัดกิจกรรมสุดพิเศษ มอบโปรโมชันสุดจึ้ง ให้คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ กับ Yaris & Ativ “ All Like All Love โดยภายในงานนอกจากจะมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก ลุ้นรับของรางวัลกลับบ้านมากมายแล้ว ยังเปิดให้ลูกค้าได้ชมรถจริง พร้อมคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการใช้รถจากน้องๆ พนักงานขาย ที่คอยดูแลภายในงาน พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการออกรถใหม่ ไปจนถึงขั้นตอนการจอง งานนี้มีใบจองติดไม้ติดมือกันไปหลายคนเลยทีเดียว…

Yaris & Ativ Yaris & Ativ Yaris & Ativ
Yaris & Ativ Yaris & Ativ Yaris & Ativ
Yaris & Ativ Yaris & Ativ Yaris & Ativ
Yaris & Ativ Yaris & Ativ Yaris & Ativ
Yaris & Ativ Yaris & Ativ Yaris & Ativ

 

อัพเดท : 24 มกราคม 2567

ขับรถระยะสั้นๆ เป็นประจำ แบตเสื่อมไว เสี่ยงรถพังจริงหรือ ? ?

เสื่อมสภาพ

เร็วขึ้น เมื่อเทียบกับรถที่ขับระยะทางไกล..
การขับรถระยะทางสั้นๆ เป็นประจำเสี่ยงต่อแบตเตอรี่เสื่อมไว ตอบเลยว่าจริงครับ เนื่องด้วยการสตาร์ตรถนั้นต้องใช้กระแสไฟจากแบตเตอรี่เป็นจำนวนมาก หากเดินทางเพียงระยะสั้นๆ แบตเตอรี่ (Battery)

การขับรถระยะทางสั้นๆ เป็นประจำเสี่ยงต่อ แบตเตอรี่เสื่อมไว ตอบเลยว่า “จริงครับ” เนื่องด้วยการสตาร์ตรถนั้นต้องใช้กระแสไฟจากแบตเตอรี่เป็นจำนวนมาก หากเดินทางเพียงระยะสั้นๆ แบตเตอรี่ (Battery) อาจจะไม่ได้รับการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ทดแทนที่ใช้ไปกับการสตาร์ตได้เพียงพอ ส่งผลให้แบตเตอรี่ค่อยๆ หมดประจุหรือกระแสไฟในแบตเตอรี่ค่อยๆ ลดลง

เมื่อแบตเตอรี่ไม่ได้รับการประจุไฟไว้เต็มจะเกิดกำมะถันขึ้นในแบตเตอรี่ส่งผลให้ แบตเตอรี่เสื่อมไว ก่อนเวลาอันควร ทำให้แบตเตอรี่ไม่สามารถสตาร์ตเครื่องยนต์ติดได้ จนต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เร็วขึ้นกว่าปกติทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายจากการที่ขับรถช่วงระยะสั้น ๆ เป็นประจำนี่เอง ครับ

 

 

ดังนั้นจึงควรขับรถอย่างน้อย ๆ ประมาณ 30 นาที หรือมากกว่าเพื่อให้มีการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่เพื่อทดแทนที่ถูกใช้ไปในตอนที่สตาร์ตเครื่องยนต์ หากขับไม่ได้ก็ควรจะติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้เพื่อให้มีการชาร์จไฟ และที่สำคัญการเร่งเครื่องยนต์ประมาณ 1,500 -2,000 รอบ/นาที จะทำให้การชาร์จไฟได้เร็วขึ้น ใช้เวลาอย่างน้อย 15 นาที หรือซื้อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่มาชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ก็จะช่วยยื้ออายุการใช้งานให้กับแบตเตอรี่ได้นานตามอายุการใช้งานที่ควรเป็นครับ

 

การดูแลรักษาแบตเตอรี่

1. ทำความสะอาดสายไฟ ทั้งบวกลบ และแบตเตอรี่ด้วยน้ำอุ่น และเช็ดให้แห้งอยู่เสมอ
2. ตรวจเช็คทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ และทาด้วยวาสลีน เพื่อป้องกับคราบขี้เกลือ
3. ตรวจเช็คน้ำกลั่นสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้น้ำแห้ง
4. ไม่เติมน้ำกลั่นให้เกินกว่าขีดสูงสุด และต่ำกว่าขีดต่ำสุด
5. ตรวจวัดระดับกระแสไฟแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ

 

วิธีการหลีกเลี่ยงไม่ให้ แบตเตอรี่เสื่อมไว

1. หลีกเลี่ยงการใช้รถสำหรับการเดินทางระยะสั้นบ่อยๆ การขับรถระยะสั้นๆ บ่อยๆ จะทำให้แบตเตอรี่ (Battery) อาจไม่ได้รับการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ทดแทนที่ใช้ไปกับการสตาร์ตได้เพียงพอ ส่งผลให้แบตเตอรี่ค่อยๆ หมดประจุหรือกระแสไฟในแบตเตอรี่ค่อยๆ ลดลง

2. ตรวจเช็กจุดยึดแบตเตอรี่ หมั่นตรวจสอบว่าจุดยึดแบตเตอรี่ยังยึดแน่นอยู่ไหม เพราะแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์เวลารถวิ่งอาจทำให้ส่วนประกอบภายในแบตเตอรี่สั่นคลอนและเกิดการกระแทก ทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้

3. รักษาความสะอาดแบตเตอรี่อยู่เสมอ เพราะฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ อาจทำให้ประสิทธิภาพในการจ่ายไฟของแบตเตอรี่ไม่เต็มที่

4. หลีกเลี่ยงการจอดรถเวลาอากาศร้อนจัด เพราะความร้อนจะส่งผลกระทบกับแบตเตอรี่ทางอ้อม ซึ่งอาจทำให้ของเหลวในแบตเตอรี่ระเหยออกมาได้ เป็นต้น

5. ห้ามปล่อยให้น้ำในแบตเตอรี่แห้ง ถ้าปล่อยให้แบตเตอรี่แห้ง จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้

6. ห้ามจอดรถทิ้งไว้โดยไม่ได้ขับนานๆ ซึ่งนานในที่นี้ คือ ประมาณ 1 อาทิตย์ขึ้นไป เพราะจะทำให้ประจุไฟที่อยู่ในแบตเตอรี่หายไปได้ ฉะนั้นเมื่อได้ขับนานควรหาเวลานำรถออกมาขับเพื่อวอร์มเครื่องยนต์บ้าง

 

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ