อัพเดท : 27 พฤศจิกายน 2566

สิ่งที่ต้องเช็กก่อน ขับรถเดินทางไกล

ปลอดภัยไว้

ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ก่อนเดินทาง…
การจะเดินทางไกลแต่ละครั้งนั้น ควรทำการตรวจสอบสภาพรถยนต์ว่ามีประสิทธิภาพและมีความพร้อมที่จะเดินทางไกลหรือไม่ เพราะหากละเลย บางครั้งอาจเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดหรืออาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ขับรถเดินทางไกล

 

1.เช็กของเหลวทั้งหมด เช่น ระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์น้ำมันเบรก น้ำมันเพาเวอร์ ต้องตรวจเช็กให้แน่ใจว่าอยู่ในระดับปกติ หากพบว่าน้ำมันพร่องลงไปมากหรือต่ำกว่าระดับปกติ ควรรีบดำเนินการแก้ไข

2.เช็กระดับน้ำหล่อเย็น ท่อยาง หม้อน้ำ พร้อมเหล็กรัดจุดต่างๆ ปั๊มน้ำ พัดลมระบายความร้อน ระดับน้ำหม้อพักน้ำจะต้องอยู่ในระดับปกติ ไม่มีการรั่วซึม

3.เช็กไส้กรองอากาศเครื่องยนต์ มีสิ่งสกปรกอุดตันอยู่หรือไม่ หากมีก็ควรเป่าออก หรือเปลี่ยนไส้กรองใหม่

4.ตรวจเช็กระบบไฟส่องสว่างรอบคัน แบตเตอรี่และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ว่าไฟยังติดครบและอุปกรณ์ไฟฟ้ายังคงทำงานปกติ รวมถึงแตร ใบปัดน้ำฝน และยางปัดน้ำฝน จะต้องทำงานปกติและปัดสะอาด ระดับน้ำฉีดกระจกต้องอยู่ในระดับปกติ

5.เช็กแบตเตอรี่ ขั้วต่อต้องแน่น ไม่หลุดหลวม ไม่มีขี้เกลือ แผ่นธาตุและแบตเตอรี่ไม่บวม รวมทั้งน้ำกลั่นต้องอยู่ในระดับปกติ

6.เช็กสภาพยางและลมยาง สภาพยางต้องไม่แตกลายงาหรือบวม แก้มยางไม่ชำรุดฉีกขาด ความลึกร่องดอกยางไม่น้อยกว่า 3 มิลลิเมตร และควรเปลี่ยนยางใหม่เมื่อความลึกน้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร

 

ขับรถทางไกล เติมลมยางเท่าไหร่ ถึงปลอดภัย?

 

เวลาขับทางไกลควรเติมลมยางเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20 % จากแรงดันมาตรฐานที่กำหนด เช่น คู่มือกำหนดไว้ 30 PSI ต้องเติมเพิ่มอีก 4-6 PSI เป็น34 – 36 PSI

ยิ่งใช้ความเร็วสูงและมีน้ำหนักบรรทุกมากก็ต้องเติมลมยางเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะเวลาใช้ความเร็วสูงหรือขับต่อเนื่องนานๆ จะเกิดความร้อนที่หน้ายาง เพื่อรักษาโครงสร้างของยางไว้จึงจำเป็นต้องเติมลมยางเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนมากเกินไป จนทำให้เกิดความร้อนสูงและทำให้ยางเกิดความเสียหายและอาจเกิดการระเบิดตามมาได้

วิธีเช็กว่ารถเติมลมยางเท่าไหร่ คือ ดูสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่เสาประตูหน้าด้านคนขับ หรือที่คู่มือการใช้งานรถ

 

ข้อควรจำ ให้เติมลมยางเพิ่มขึ้นเมื่อเดินทางไกล และลดลมยางลงเมื่อกลับมาใช้งานปกติ เพราะถ้าเติมลมยางสูงแต่ไม่ได้เดินทางไกลจะทำให้หน้ายางสึกหรอเร็วและระยะทางในการเบรกจะเพิ่มมากขึ้น

 

สายพานสายพาน

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 27 พฤศจิกายน 2566

ฤกษ์ออกรถ ปี 2567

วันมงคล

ดูฤกษ์มงคลเตรียมออกรถใหม่… รวมวันมงคล สำหรับออกรถใหม่ ฤกษ์ออกรถปี 2567 ? ดูฤกษ์มงคลออกรถใหม่ วันไหนดี? เพิ่มความสิริมงคลให้ชีวิต ให้การขับขี่ปลอดภัย ส่งเสริมชีวิตให้รุ่งเรือง

ฤกษ์ออกรถ

ฤกษ์ออกรถ ปี 2567 (2024)

ฤกษ์ออกรถ เดือนมกราคม 2567

ฤกษ์ออกรถ

 

  • วันพฤหัสบดี ที่ 4 มกราคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันเสาร์ ที่ 6 มกราคม ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีใช้
  • วันอังคาร ที่ 9 มกราคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพุธ ที่ 10 มกราคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันพฤหัสบดี ที่ 11 มกราคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 21 มกราคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันพุธ ที่ 24 มกราคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันพฤหัสบดี ที่ 25 มกราคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้

 

ฤกษ์ออกรถ เดือนกุมภาพันธ์ 2567

ฤกษ์ออกรถ

 

  • วันพุธ ที่ 7 กุมภาพันธ์ ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันพฤหัสบดี ที่ 8 กุมภาพันธ์ ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันเสาร์ ที่ 10 กุมภาพันธ์ ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีใช้
  • วันจันทร์ ที่ 12 กุมภาพันธ์ ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันเสาร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันอังคาร ที่ 20 กุมภาพันธ์ ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพฤหัสบดี ที่ 22 กุมภาพันธ์ ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันเสาร์ ที่ 24 กุมภาพันธ์ ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีใช้
  • วันอังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ ห้ามคนเกิดวันพุธใช้

 

ฤกษ์ออกรถ เดือนมีนาคม 2567

ฤกษ์ออกรถ

 

  • วันจันทร์ ที่ 4 มีนาคม ห้ามคนเกิดวันอังคารใช้
  • วันอังคาร ที่ 5 มีนาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพฤหัสบดี ที่ 7 มีนาคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันเสาร์ ที่ 9 มีนาคม ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีใช้
  • วันพุธ ที่ 13 มีนาคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 17 มีนาคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันอังคาร ที่ 19 มีนาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพุธ ที่ 20 มีนาคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันเสาร์ ที่ 23 มีนาคม ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีใช้
  • วันเสาร์ ที่ 30 มีนาคม ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีใช้

 

ฤกษ์ออกรถเดือนเมษายน 2567

ฤกษ์ออกรถ

 

  • วันอังคาร ที่ 2 เมษายน ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพุธ ที่ 3 เมษายน ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันเสาร์ ที่ 6 เมษายน ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 7 เมษายน ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันอังคาร ที่ 9 เมษายน ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพุธ ที่ 10 เมษายน ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันจันทร์ ที่ 15เมษายน ห้ามคนเกิดวันอังคารใช้
  • วันอังคาร ที่ 16 เมษายน ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันอังคาร ที่ 30เมษายน ห้ามคนเกิดวันพุธใช้

 

ฤกษ์ออกรถ เดือนพฤษภาคม 2567

ฤกษ์ออกรถ

 

  • วันอังคาร ที่ 7 พฤษภาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพุธ ที่ 8 พฤษภาคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันศุกร์ ที่ 10 พฤษภาคม ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 12 พฤษภาคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันพุธ ที่ 15 พฤษภาคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันศุกร์ ที่ 17 พฤษภาคม ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ใช้
  • วันอังคาร ที่ 21 พฤษภาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพุธ ที่ 22 พฤษภาคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันพุธ ที่ 29 พฤษภาคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้

 

ฤกษ์ออกรถ เดือนมิถุนายน 2567

ฤกษ์ออกรถ

 

  • วันอาทิตย์ ที่ 2 มิถุนายน ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันอังคาร ที่ 4 มิถุนายน ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพุธ ที่ 5 มิถุนายน ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันศุกร์ ที่ 7 มิถุนายน ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 9 มิถุนายน ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันอังคาร ที่ 18 มิถุนายน ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพฤหัสบดี ที่ 20 มิถุนายน ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้

 

ฤกษ์ออกรถ เดือนกรกฎาคม 2567

ฤกษ์ออกรถ

 

  • วันอังคาร ที่ 2 กรกฎาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพฤหัสบดี ที่ 4 กรกฎาคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันพุธ ที่ 17 กรกฎาคม ห้ามคนเกิดวัน เสาร์ใช้
  • วันศุกร์ ที่ 19 กรกฎาคม ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ใช้
  • วันอังคาร ที่ 23 กรกฎาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันอังคาร ที่ 30 กรกฎาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพุธ ที่ 31 กรกฎาคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้

 

ฤกษ์ออกรถ เดือนสิงหาคม 2567

ฤกษ์ออกรถ

 

  • วันศุกร์ ที่ 2 สิงหาคม ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ใช้
  • วันศุกร์ ที่ 6 สิงหาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันพุธ ที่ 7 สิงหาคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 11 สิงหาคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันอังคาร ที่ 13 สิงหาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันศุกร์ ที่ 16 สิงหาคม ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 18 สิงหาคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันอังคาร ที่ 20 สิงหาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันอังคาร ที่ 27 สิงหาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันศุกร์ ที่ 30 สิงหาคม ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์

 

ฤกษ์ออกรถ เดือนกันยายน 2567

ฤกษ์ออกรถ

 

  • วันอาทิตย์ ที่ 1 กันยายน ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันอังคาร ที่ 3 กันยายน ห้ามคนเกิดวัน พุธใช้
  • วันเสาร์ ที่ 7 กันยายน ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีใช้
  • วันพุธ ที่ 18 กันยายน ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้

 

ฤกษ์ออกรถ เดือนตุลาคม 2567

ฤกษ์ออกรถ

 

  • วันพุธ ที่ 2 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันศุกร์ ที่ 4 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 6 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันอังคาร ที่ 8 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันศุกร์ ที่ 11 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 13 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันอังคาร ที่ 15 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันศุกร์ ที่ 18 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 20 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันจันทร์ ที่ 21 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันอังคารใช้
  • วันอังคาร ที่ 22 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันศุกร์ ที่ 25 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 27 ตุลาคม ห้ามคนเกิดวันพุธใช้

 

ฤกษ์ออกรถ เดือนพฤศจิกายน 2567

ฤกษ์ออกรถ

 

  • วันจันทร์ ที่ 4 พฤศจิกายน ห้ามคนเกิดวันอังคารใช้
  • วันอังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน ห้ามคนเกิดวันพุธใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 24 พฤศจิกายน ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันจันทร์ ที่ 24 พฤศจิกายน ห้ามคนเกิดวันอังคารใช้

 

ฤกษ์ออกรถ เดือนธันวาคม 2567

ฤกษ์ออกรถ

 

  • วันอาทิตย์ ที่ 1 ธันวาคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันพุธ ที่ 4 ธันวาคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันพุธ ที่ 11 ธันวาคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้
  • วันอาทิตย์ ที่ 15 ธันวาคม ห้ามคนเกิดวันจันทร์ใช้
  • วันพุธ ที่ 18 ธันวาคม ห้ามคนเกิดวันเสาร์ใช้

*** หมายเหตุ *** วันพุธกลางวัน คือ เกิดช่วงเวลา 06.00 – 18.00 น. วันพุธกลางคืน คือ เกิดช่วงเวลา 18.00 – 06.00 น.

 

 

ฤกษ์ออกรถ

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

 

อัพเดท : 23 พฤศจิกายน 2566

รถกินน้ำมันผิดปกติ เกิดจากอะไร แก้ไขเองได้หรือไม่?

สิ้นเปลือง

ขับขี่อย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน…

รถกินน้ำมันผิดปกติ เกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่ยากต่อการตรวจสอบและแก้ไขจะต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ แต่บางอาการเราก็สามารถสังเกตได้เอง เช่น…

รถกินน้ำมัน ผิดปกติ เกิดจากอะไร แก้ไขเองได้หรือไม่

1.ลมยางอ่อน ลมยางที่ต่ำกว่ามาตรฐานจะทำให้เกิดแรงต้านแรงขับเคลื่อน ยิ่งแรงดันลมต่ำมากก็ยิ่งทำให้กินน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้น วิธีแก้ คือ เติมลมให้อยู่ในค่ามาตรฐานที่กำหนดเสมอ โดยดูจากคู่มือการใช้รถหรือดูได้จากสติ๊กเกอร์ที่เสาประตูด้านคนขับ

2.กรองอากาศอุดตัน อากาศที่เข้าสู่เครื่องยนต์ได้ไม่เพียงพอจะส่งผลให้กำลังของเครื่องยนต์ลดลงและส่งผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง การแก้ไข คือ ถอดกรองอากาศออกมาเป่าทำความสะอาด โดยการเป่าย้อนทิศทางการไหลของอากาศ

3.พฤติกรรมการขับขี่ ถ้าชอบขับออกตัวเร็วๆ ลากรอบสูงๆ หรือขับรถด้วยความเร็วสูงๆ ล้วนทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง การแก้ทำได้ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ ค่อยๆออกตัวใช้รอบเครื่องให้เหมาะสมและใช้ความเร็วตามกฏหมายกำหนด

 

เติมลมยางรถยนต์ให้ได้ค่ามาตรฐาน ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

  • หากเติมลมยาง มากเกินไป บริเวณของกึ่งกลางของหน้ายางจะสึกหรอได้ง่าย การรับแรงและการยืดหยุ่นด้อยลง เมื่อมีการรับน้ำหนักหรือการกระแทก ก็อาจทำให้เกิดการระเบิดของยางได้ง่าย และการทรงตัวและการเกาะถนน ไม่ดีเท่าที่ควร
  • หากเติมลมยาง น้อยเกินไป บริเวณไหล่ยาง จะสึกเร็วกว่าปกติ แก้มยางทำงานหนัก สึกหรอได้ง่าย การหมุนหรือบังคับ พวงมาลัย ได้ยากขึ้น การทรงตังของรถในขณะขับขี่ด้อยลง

 

ค่ามาตรฐานในการเติมลมยางรถยนต์

  • รถเก๋ง ประมาณ 28-35 PSI (ปอนด์/ตารางนิ้ว)
  • รถSUV ประมาณ 30-35 PSI (ปอนด์/ตารางนิ้ว)
  • รถกระบะ บรรทุก ประมาณ 45-55 PSI หรือมากกว่าขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุก แต่ไม่ควรเกิน 65 PSI (ปอนด์ / ตารางนิ้ว)

 

ขับขี่อย่างไรให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

1.ไม่เหยียบเบรกกะทันหัน
2. ใช้ความเร็วคงที่หรือประมาณ 60-90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
3. ตรวจเช็กเครื่องยนต์เป็นประจำ
4. เช็กลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
5. ไม่บรรทุกหนักจนเกินไป
6. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนด

 

 

สายพานสายพาน 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 23 พฤศจิกายน 2566

รถจอดทิ้งไว้นานๆ ควรเช็กอะไรบ้าง

ไม่ได้ใช้งาน

วิธีดูแลรถยนต์ที่ต้องจอดทิ้งไว้นานๆ…
การจอดรถทิ้งไว้นานๆ มักส่งผลเสียต่อรถยนต์ วันนี้ช่างเคมีคำแนะนำสำหรับใครที่ต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ ว่าควรทำอย่างไร เพื่อให้รถยนต์ยังมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกันกับรถที่ใช้งานปกติ พร้อมบอกข้อเสียที่ตามมาจากการจอดรถทิ้งไว้นานๆ …

รถจอดทิ้งไว้นานๆ

 

รถจอดทิ้งไว้นานๆ ประมาณ 1 สัปดาห์/1 เดือน

– ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นสตาร์ตเครื่องยนต์ครั้งละ 15-20 นาที ทำทุกสัปดาห์ เพื่อให้แบตเตอรี่มีการชาร์จพลังงาน

– เติมลมยางเพิ่มอีก 2-3 ปอนด์/ตารางนิ้ว เช่นค่ามาตรฐาน 32 ก็เพิ่มเป็น 34 เป็นต้น

– ตรวจสอบความเรียบร้อยของรถ รอบคันว่าปกติพร้อมใช้งานหรือไม่

 

กรณี รถจอดทิ้งไว้นานๆ หลายเดือน

– ต้องเติมลมยางเพิ่มไปอีกเป็น 40-50 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพื่อรักษาโครงสร้างของยางไม่ให้เสียรูปทรง

– ตรวจสอบของเหลวและเติมให้อยู่ในระดับสูงสุดที่กำหนด เช่น ระดับน้ำมันเคริ่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์- เฟืองท้ายและน้ำมันเพาเวอร์

– ทำการถอดขั้วแบตเตอรี่ออกเพื่อป้องกันการคลายประจุ และเมื่อจะกลับมาใช้งานอีกครั้งก็ต้องตรวจสอบของเหลวต่างๆ เช่น น้ำมันเครื่องอยู่ในระดับปกติหรือไม่ เช็กลมยางว่าอยู่ในระดับที่กำหนด ถ้าสูงก็ปล่อยลมออก ถ้าต่ำก็เติมลมเพิ่ม จากนั้นจึงใส่ขั้วแบตเตอรี่ (ถ้าจอดนานแบตเตอรี่อาจจะหมดจะต้องพ่วงแบตเตอรี่เพื่อสตาร์ต) และสตาร์ตเครื่องยนต์ให้ทำงาน 15-20 นาที ก่อนจะนำรถไปใช้งาน

ผลเสียจากการจอดรถทิ้งไว้นานๆ

1. น้ำมันเสื่อมสภาพ

เมื่อจอดรถที่มีน้ำมันอยู่ในถังไว้นานๆ น้ำมันจะเสื่อมสภาพ เพราะในน้ำมันมีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งระเหยได้ง่าย เมื่อจอดรถทิ้งไว้นานๆ จะทำให้ค่าออกเทนในน้ำมันต่ำลง ส่งผลให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรียต่างๆ จนเกิดน้ำมันเสื่อมสภาพได้ และเมื่อน้ำรถกลับมาใช้ เครื่องยนต์จะเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เกิดอาการผิดปกติในหลายๆ ส่วนได้ เช่น เครื่องยนต์สึกกร่อน หัวฉีดชำรุด หรือรถสตาร์ตไม่ติด เป็นต้น

2. ยางรถยนต์เสื่อม

การจอดรถทิ้งไว้นานๆ ยางรถยนต์จะเกิดอาการเสื่อมสภาพ เนื่องจากไม่มีการขยับหรือขับเคลื่อนใดๆ จนถูกกดทับ ทำให้รูปทรงของยางผิดเพี้ยนไปจากเดิม และไม่สามารถใช้งานได้ปกติ

3. ริ้วรอยบนตัวรถ

หากจอดรถทิ้งไว้นานๆ แล้ว ไม่ใช้ผ้าคลุมรถ จะทำให้ฝุ่นเกาะตามตัวรถ นานวันเข้าจะทำให้ฝุ่นหนาและทำให้เกิดรอยขีดข่วนต่างๆ ได้

4. เกิดความเสียหายจากสัตว์และแมลงต่างๆ

รถที่ไม่ได้ใช้นาน มักกลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์เล็ก เช่น หนู แมลงสาป มด สัตว์เลื้อยคลาน เป็นต้น ซึ่งสัตว์เหล่านี้อาจเข้าไปกัดสายไฟหรืออุปกรณ์ของเครื่องยนต์ภายในรถได้ ทำให้เกิดความเสียหายต่างๆ ตามมา

สายพานสายพาน

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 17 พฤศจิกายน 2566

จอดรถ พวงมาลัยไม่ตรง เสียหายมากกว่าที่คิด!!

รถเสียหาย

หลังจอดรถควรปรับพวงมาลัยให้ตรง..
พวงมาลัยมีหน้าที่ในการควบคุมทิศทางเวลาขับขี่ และถ้าจอดรถพวงมาลัยไม่ตรงอาจส่งผลทำให้รถเสียหายได้เช่นกัน แต่จะส่งผลอย่างไรนั้น วันนี้ช่างเคมีคำตอบ พร้อมคำแนะนำและเทคนิคที่ถูกต้องมากฝากกันครับ…

กรณีจอดระยะสั้นและหักเลี้ยวไม่มากๆ มีผลกระทบบ้างแต่น้อย เนื่องจากเวลาที่มีการดับเครื่องยนต์ จะไม่มีการสร้างแรงดันไฮดรอลิกส์ในระบบ แรงดันที่สะสมในระบบและในตัวแร็คก็จะลดลงหลังจากดับเครื่องยนต์ แต่เวลาสตาร์ตเครื่องยนต์อีกครั้ง โดยเฉพาะตอนเครื่องยนต์เย็นรอบเครื่องจะสูง แรงดันไฮดรอลิกส์ในระบบจะถูกสร้างขึ้นทันทีที่สตาร์ตเครื่องยนต์ เมื่อมีการหักเลี้ยวเอาไว้ แรงดันก็จะส่งไปที่ท่อแรงดันสูงไปที่แร็คพวงมาลัยทันที ส่งผลให้ซีลภายในแร็คและท่อแรงดันมีแรงดันสูงเพิ่มขึ้นทันที ทำให้ซีลและท่อทางน้ำมันอายุสั้นลงได้ แต่จะไม่มีผลถ้าเป็นพวงมาลัยไฟฟ้า

 

กรณีที่มีการจอดนานๆ เป็นเดือนแล้วไม่คืนพวงมาลัยให้ตรง ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยไฮดรอลิกส์ หรือพวงมาลัยไฟฟ้า จะส่งผลเสียต่อชิ้นส่วนที่เป็นยางและบู๊ชยาง เช่น ยางหุ้มแร็คยาง หุ้มเพลาขับเมื่อจอดล้อไม่ตรงจะมีการยืดตัว เลี้ยวน้อยยืดน้อย เลี้ยวมากก็ยืดมาก อาจจะทำให้ขาดหรือเสียรูปได้ง่ายหรืออายุการใช้งานสั้นลงได้ ส่วนบู๊ชปีกนกหรือชิ้นส่วนระบบรองรับและบังคับเลี้ยวที่เป็นยางจะเกิดการบิดตัวเวลาที่พวงมาลัยเลี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่ง เมื่อทิ้งไว้นานๆ จะทำให้มีอายุการใช้งานที่สั้นลง ยิ่งเลี้ยวไปมากเท่าไหร่ก็จะมีผลมากตามไปด้วย และยิ่งจอดนานเท่าไหร่ก็จะเกิดปัญหาได้มากเท่านั้น

 

 

เติมน้ำมันผิด
เติมน้ำมันผิด

 

 

 

รื่องที่น่าสนใจอื่นๆ