อัพเดท : 18 เมษายน 2565

วิธีดู ยางรถยนต์ หมดอายุ

เช็กยาง

วิธีตรวจสภาพและดูแลรักษายางรถยนต์…
หลายคนมีคำถามว่า “ยางรถยนต์” วิ่งครบ 50,000 กิโลเมตร หรือใช้งาน 2-3 ปี แล้วค่อยเปลี่ยน? จริงๆแล้วก็ไม่ได้ถูกต้องซะทีเดียวทั้ง 2 อย่างครับ จริงๆเราควรเช็กจากสภาพยางมากกว่า เพราะการใช้รถของแต่ะคนไม่เหมือนกัน แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่า ยางรถยนต์ถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว เรามีคำตอบ

วิธีดู ยางรถยนต์ หมดอายุ

 

1. ดูความหนาของดอกยาง โดยดูจากสะพานยาง ที่อยู่ร่องตรงกลางของยาง ถ้าพบว่าดอกยางของเราอยู่ในระดับเดียวกันกับสะพานยางแสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางแล้ว
2. ดูอายุของยาง ไม่ควรเกิน 5 ปี โดยดูจากเลข 4 ตัวที่แก้มยางที่บอกสัปดาห์และปีที่ผลิตเอาไว้
3. ดูเนื้อยาง หากแข็งกระด้างเมื่อใช้เล็บจิกแล้วจะไม่มีรอยเล็บ และเวลาเบรกหรือเลี้ยวจะมีเสียงดัง
4. ดูบาดแผลของยางที่รั่ว ต้องเป็นบริเวณหน้ายางเท่านั้น และขนาดแผลไม่ทำลายโครงสร้างของยาง โดยสังเกตเมื่อใช้ความเร็วพวงมาลัยมีอาการสั่นแม้ว่าจะถ่วงยางแล้ว และมีรอยรั่วบริเวณแก้มยาง

 

โดยทั่วไปยางรถยนต์มีอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี หรือประมาณ 50,000 กิโลเมตร (ตามคู่มือ) แต่ถ้ายางรถยนต์ถูกใช้งานหนักและรักษาไม่ถูกวิธี จะยิ่งทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น อายุยางสั้นลง

 

วิธีดูแลยางรถยนต์

 

1. ตรวจเช็กลมยางให้สม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละครั้ง และก่อนเดินทางไกลทุกครั้ง
2. เติมความดันลมยางตามกำหนด
3. พยายามหลีกเลี่ยงการบรรทุกน้ำหนักสูงสุดตามที่กำหนด
4. ใช้ความเร็วที่เหมาะสม
5. หลีกเลี่ยงการขับบนถนนขรุขระ ไม่เรียบ
6. อย่าหมุนล้อฟรีรุนแรง

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 10 เมษายน 2565

ผลบวกเลขทะเบียนรถ มงคล ทำอะไรแล้วรุ่ง !!

เลขมงคล

ดูเลขทะเบียนมงคล เลขไหนรุ่ง เลขไหนปัง…
หลายคนมีความเชื่อหมายเลขทะเบียนรถดี ก็จะช่วยส่งเสริมและทำให้การขับขี่ปลอดภัย ดั่งจะเห็นได้ว่าคนไทยนิยมประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์มาใช้ ซึ่งตัวเลขอาจมีผลต่างๆ กับชีวิตของคุณได้ แต่จะมีผลอย่างไร ไปดูกัน…

วิธีคิด ผลบวกเลขทะเบียนรถ คือ นำตัวเลขของทะเบียนรถทุกตัวมาบวกกัน ได้ผลลัพธ์เท่าไหร่ ให้นำเลขหน้าและหลังมาบวกกัน จึงนำไปดูความหมายตามเลขนั้นๆ เช่น กง 2182 เท่ากับ 2+1+8+2 = 13 จากนั้นนำ 1+3 = 4 ให้ดูความหมายผลรวมหมายเลข 4 เป็นต้น

 

ความหมายของ ผลบวกเลขทะเบียนรถ

ผลรวมเท่ากับ 1 ช่วยเสริมอำนาจบารมี เหมาะสำหรับคนที่มียศตำแหน่งหรือข้าราชการ
ผลรวมเท่ากับ 2 ช่วยเสริมด้านการงาน โดยเฉพาะงานด้านบริการ ค้าขาย และการเงินการธนาคาร
ผลรวมเท่ากับ 3 เหมาะสำหรับอาชีพในเครื่องแบบ
ผลรวมเท่ากับ 4 ช่วยเสริมให้มีชื่อเสียง ประสบความสำเร็จในการเจรจาต่อรอง
ผลรวมเท่ากับ 5 ช่วยเสริมให้มีความน่าเชื่อถือ การค้าขายดี และการขับขี่ปลอดภัย
ผลรวมเท่ากับ 6 ช่วยเสริมให้คนคอยช่วยเหลืออุปถัมภ์ สมหวังทั้งด้านการเงิน ความรัก
ผลรวมเท่ากับ 7 ช่วยส่งเสริมความรุ่งเรืองให้กับคนทำอาชีพเกษตรกร
ผลรวมเท่ากับ 8 ช่วยส่งเสริมให้ร่ำรวย เจริญรุ่งเรือง คนยกย่อง บูชา
ผลรวมเท่ากับ 9 ช่วยทำให้แคล้วคลาดปลอดภัย มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องคุ้มครอง

นอกจาก ผลบวกเลขทะเบียนรถ แล้ว ตัวอักษรที่อยู่บนเลขทะเบียนยังสามารถแปลงเป็นค่าของตัวเลขได้ ดังนี้

 

ค่าตัวเลขของหมวดตัวอักษร

เช่น
ก ด ถ ท ภ = 1
ข บ ป ง ช = 2
ต ฒ ฆ = 3
ค ธ ร ญ ษ = 4
ฉ ณ ฌ น ม ห ฮ ฎ ฬ = 5
จ ล ว อ = 6
ศ ส = 7
ย ผ ฝ พ ฟ = 8
ฐ = 9

 

หลังจากที่ได้ค่าตัวเลขทั้งหมดทั้งจาก ผลบวกเลขทะเบียนรถ และผลค่าตัวอักษร จากนั้นให้นำตัวเลขทั้งหมดมาบวกกัน โดยมีผลลัพธ์อยู่ 3 ระดับ ได้แก่ ดีมาก ดี และไม่ดีนัก ดังนี้

 

– ระดับดีมาก เจริญรุ่งเรือง โอกาสประสบความสำเร็จสูง ได้แก่ 2, 4, 5, 6, 9, 14, 15, 19, 23, 24, 36, 41, 42, 45, 46, 50, 51, 54, 55, 56, 59, 63, 64, 65
– ระดับดี จะประสบความสำเร็จแต่ต้องพยายาม คือ 20, 32, 40, 44, 69, 79
– ระดับไม่ดีนัก มีอุปสรรคหลายด้าน เช่น การงาน การเงิน ความรัก และการเดินทาง คือ 3, 7, 11, 12, 17, 20, 21, 27, 29, 30, 33, 34, 37, 43, 48

 

ตัวอย่างการอ่านค่าเลขทะเบียนรถ

 

เลขทะเบียนรถ 9 สค 6743

1. นำเลขทะเบียนทั้งหมดมาบวกกัน 9+6+7+7+3 = 32
2. แทนค่าตัวเลขในหมวดอักษร ส=7, ค=4 = 11
3. นำผลลัพธ์จากข้อ 1 และ2 มาบวกกันจะได้เท่ากับ = 32+11 = 43
4. นำผลลัพธ์ที่ได้ไปอ่านค่าว่าอยู่ระดับไหน

 

 

 

อ่านบทความที่น่าสนใจ

อัพเดท : 21 มีนาคม 2565

แอร์รถยนต์ เย็นไม่ฉ่ำเกิดจากอะไร?

รถแอร์ร้อน

สาเหตุที่ทำใหแอร์ไม่เย็นและวิธีแก้…
การใช้รถยนต์ไปนานๆ อาจทำให้ระบบต่างๆ ภายในรถยนต์เสื่อมสภาพได้ ระบบ “แอร์” ก็เช่นกัน ยิ่งในเมืองไทย อากาศร้อนอบอ้าวแทบทั้งปี และคนไทยใช้ชีวิตบนรถเป็นเวลาหลายชั่วโมง หาก แอร์รถยนต์ เกิดเย็นไม่ฉ่ำขึ้นมา อาจเพิ่มความร้อนไปจนถึง “หัวร้อน” ให้คนขับได้

แอร์รถยนต์ เย็นไม่ฉ่ำ สาเหตุหนึ่งเกิดจากชุดวาล์วและดรายเออร์อุดตัน ดรายเออร์ทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกจากน้ำยาแอร์ กรณีนี้จะทำให้น้ำยาแอร์ที่ฉีดออกจากคอมเพรสเซอร์ผ่านเข้าไปในคอยล์เย็นได้ไม่สะดวก ปริมาณน้ำยาแอร์จึงไม่เพียงพอที่จะดูดจับความร้อนภายในห้องโดยสารได้ ในขณะที่สตาร์ทเครื่องยนต์เดินเบา แอร์จะเย็นไม่มาก และมีเสียงดังเมื่อเร่งเครื่องแล้วแอร์จะเย็นนั่นแสดงว่าการอุดตันของวาล์วหรือดรายเออร์

 

แอร์รถยนต์

 

วิธีแก้ปัญหา แอร์รถยนต์ เย็นไม่ฉ่ำ

เปลี่ยนชุดวาล์วและดรายเออร์ใหม่ทั้ง 2 อย่าง เพราะดรายเออร์ทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกจากน้ำยาแอร์ เมื่อวาล์วแอร์อุดตันแสดงว่าดรายเออร์ชำรุดแล้ว

 

การดูแลแอร์รถยนต์ ให้เย็นฉ่ำไปนานๆ แยกเป็น 2 ส่วน คือ การใช้งาน และการบำรุงรักษา ดังนี้

การใช้งาน

1. เปิดแอร์ก่อนสตาร์ทรถ ป้องกันคอมแอร์ฉุดกำลังการสตาร์ท ก่
2. หลังจากจอดรถตากแดด แนะนำให้เปิดประตูระบายความร้อนก่อน
3. เปิดแอร์เบอร์แรงก่อนการกดปุ่มน้ำยาแอร์ เพื่อไล่ความร้อนออกจากระบบแอร์ และเพื่อไม่ให้แอร์ทำงานหนักเกินไป
4. ถ้าภายในห้องโดยสารเริ่มเย็นให้ลดความเร็วพัดลมอยู่ที่ความเร็วเท่าที่จำเป็น
5. ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม หากปรับมากหรือน้อยไปจะทำให้แอร์ทำงานหนัก
6. 5-10 นาทีก่อนถึงที่หมายให้ปิดปุ่มน้ำยาแอร์ และเปิดพัดลมเบอร์แรงช่วยไล่ความเย็น และความชื้น และช่วยลดกลิ่นอับ
7. เปิดพัดลมแอร์ก่อนดับเครื่อง
8. ห้ามเปิดกระจกขับรถบ่อยๆ เพราะฝุ่นและสิ่งสกปรกจากข้างนอกอาจจะเข้ามาติดในแอร์ได้
9. การติดฟิล์มรถยนต์ก็ช่วยทำให้ระบบแอร์ไม่ต้องทำงานหนักมากไปได้

การบำรุงรักษา

1. ตรวจสอบระบบแอร์ทุกๆ 5,000 กิโลเมตร หรือ ทุกๆ 3 เดือน
2. เติมน้ำยาแอร์ให้ถูกต้องและอยู่ในระดับตามที่คู่มือกำหนด
3. ทำความสะอาดแผงกรองแอร์
4. ตรวจสอบสายพานคอมแอร์ว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือเสื่อมสภาพหรือไม่
5. ควรล้างตู้แอร์เป็นประจำทุกๆ 2 ปี

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 11 มีนาคม 2565

ไฟเตือนน้ำมันขึ้นโชว์บ่อยๆ ทำให้รถพังได้ !!

เสี่ยงพังยับ..

อย่าปล่อยให้น้ำมันรถหมดถัง…
ไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ อย่าชะล่าใจ แม้อาจไม่เห็นผลในระยะสั้น แต่ส่งผลในระยะยาวแน่นอน ถึงขั้นทำให้รถดับกลางทางได้ ทางที่ดีควรเติมน้ำมันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอครับ

แม้ ไฟเตือนน้ำมัน ขึ้นโชว์ … จะยังสามารถขับรถต่อไปได้อีกประมาณ 50 กิโลเมตร มากน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร แต่ถ้าไฟเตือนน้ำมันขึ้นโชว์บ่อยๆ อาจทำให้รถพังได้ …

 

เครื่องยนต์เบนซิน ส่วนใหญ่ใช้ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงแบบไฟฟ้าในการดูดน้ำมันจากถังมาเลี้ยงระบบเชื้อเพลิง ซึ่งปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงในยุคนี้ส่วนใหญ่จะจมอยู่ลงในถังเชื้อเพลิงและอาศัยน้ำมันในถังเป็นตัวหล่อเย็นช่วยระบายความร้อน จะส่งผลเรื่องการระบายความร้อนของปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้เกิดความร้อนจนปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเกิดการชำรุดเสียหายจากความร้อนสะสมได้ เมื่อปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันหมดโชว์บ่อยๆ และจะทำให้รถดับขณะขับขี่ได้

 

เครื่องยนต์ดีเซล ส่วนใหญ่จะไม่มีปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในถัง จึงไม่ทำให้รถที่ใช้น้ำมันดีเซลพังเหมือนรถที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินที่มีปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงในถัง

 

ข้อควรจำ
อย่าปล่อยให้น้ำมันใกล้หมดถังบ่อยๆ เพราะจะส่งผลต่อการทำงานของปั๊มติ๊ก ซึ่งทำหน้าที่ดูดน้ำมันจากถังไปยังระบบหัวฉีดของเครื่องยนต์ ดูดอากาศเข้ามาปนกับน้ำมัน เป็นสาเหตุทำให้เครื่องยนต์สะดุด สตาร์ทติดยาก และเร่งไม่ขึ้น และทำให้อายุการใช้งานของปั๊มเชื้อเพลิงน้อยลง

 

เติมน้ำมันระดับไหนดี?

วิธีที่ถูกต้องของการเติมน้ำมัน ก็คือ ควรเติมน้ำมันให้เกิน 3/4 ของถังน้ำมันอย่างสม่ำเสมอ และรอให้น้ำมันเหลือ 1/4 ของถังก่อนค่อยเติมน้ำมัน จะช่วยถนอมและรักษาเครื่องยนต์ให้ใช้ได้นานขึ้น
และการเติมน้ำมันในเวลา “กลางคืน” ช่วยให้รถประหยัดน้ำมันได้ เพราะเวลากลางคืน “น้ำมัน” จะมีการควบแน่นสูง ตอนเติมน้ำมันจึงเต็มเอี๊ยด หลีกเลี่ยงแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มรถส่งน้ำมันจอดอยู่ เพราะว่าเวลาที่รถส่งน้ำมันกำลังถ่ายน้ำมันอยู่ ตะกอนใต้ถังจะลอยขึ้นมา ซึ่งถ้าหากเราเติมน้ำมันแล้วตะตอนเหล่านั้นลอยเข้าถังน้ำมันรถของเรา จะไม่ส่งผลดีต่อเครื่องยนต์

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 11 กุมภาพันธ์ 2565

แผ่นป้ายหมายเลขโลหะที่ติดมากับกุญแจรถ ห้ามทำหาย!

เก็บให้ดี

ให้ช่างนำไปใช้ทำกุญแจดอกใหม่…
เวลาออกรถใหม่ หลายคนคงสงสัยกันใช่ไหมว่า แผ่นป้ายโลหะเล็กๆ ที่แขวนมากับกุญแจรถคืออะไร? มีประโยชน์และใช้งานอย่างไร ซึ่งแผ่นป้ายนี้เรียกกันว่า “แผ่นป้ายหมายเลขกุญแจ” ใช้สำหรับทำกุญแจดอกใหม่ ในกรณีที่กุญแจเกิดการสูญหายนั่นเอง

แผ่นป้ายหมายเลขโลหะ หรือแผ่นป้ายหมายเลขกุญแจ เป็นรหัสเฉพาะสำหรับรถแต่ละคัน ใช้ทำกุญแจดอกใหม่ในกรณีกุญแจสูญหาย ซึ่งโดยปกติแล้วหากกุญแจดอกใดดอกหนึ่งหาย สามารถนำกุญแจสำรองไปให้ศูนย์บริการทำดอกใหม่โดยไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นโลหะ

แต่กรณีกุญแจหลักและกุญแจสำรองหายพร้อมกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำแผ่นป้ายหมายเลขดังกล่าวไปให้ศูนย์บริการ เพื่อทำกุญแจดอกดอกใหม่ หากว่าไม่มีรหัสดังกล่าวอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนเบ้ากุญแจทั้งชุด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงถึงหลักหมื่นได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี

 

วิธีเก็บรักษาแผ่นป้ายโลหะ

 

1. พ่วงไว้กับกุญแจสำรองและเก็บรักษาไว้ในบ้าน
2. แต่ถ้าจำเป็นต้องนำกุญแจสำรองออกมาใช้ควรถอดแผ่นโลหะออกและเก็บไว้ให้ดี
3. ถ่ายรูปแผ่นโลหะเก็บไว้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินทำป้ายโลหะหาย สามารถนำภาพถ่ายแสดงรหัสป้ายโลหะให้ศูนย์บริการได้เช่นกัน

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ