อัพเดท : 4 มกราคม 2565

ไหว้แม่ย่านาง เสริมสิริมงคล รับวันตรุษจีน

ไหว้รถตรุษจีน

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ให้รถมงคล
เทศกาลตรุษจีนเป็นอีกหนึ่งวันมงคลที่คนไทยเชื้อสายจีนนิยมไหว้แม่ย่านางรถ เพื่อให้ “แม่ย่านาง” ปกป้องคุ้มครองให้เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย และช่วยส่งเสริมสิริมงคลในชีวิต มาดูกันว่าวิธีการไหว้แม่ย่านางในวันตรุษจีนต้องทำอย่างไร และเตรียมอะไรบ้าง

ไหว้แม่ย่านาง เสริมสิริมงคล รับวันตรุษจีน

 

1. เตรียมของไหว้

 

– ดอกดาวเรืองหรือกล้วยไม้ 1 กำ
– ขนมมงคล เช่น ขนมเทียน ถ้วยฟู สาลี่ หรือขนมเข่ง
– ธูป 9 ดอก เทียน 2 เล่ม
– น้ำเปล่าหรือน้ำแดง 1 ขวด
– ผลไม้มงคล 5 ชนิด ได้แก่ ส้ม สับปะรด กล้วยหอม ทับทิม และแก้วมังกร

 

ความหมายของผลไม้มงคล 5 ชนิด

– ทับทิม มีลักษณะเป็นผลไม้สีแดง หมายถึง สีมงคล ร่ำรวย โชคดี
– กล้วยหอม สื่อถึงความมั่งมี งอกงาม มีลูกหลานไว้สืบสกุล
– แก้วมังกร หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ยิ่งเนื้อข้างในเป็นสีแดง จะยิ่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง
– สับปะรด คือผลไม้ที่สื่อถึงโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา
– ส้ม แสดงถึงความโชคดี

 

2. ไหว้แม่ย่านางรถ

 

1. จัดเตรียมของไหว้วางไว้บนโต๊ะไหว้หน้ารถให้เรียบร้อย (การตั้งโต๊ะควรเว้นระระห่างจากรถให้เหมาะสม เพราะหากชิดเกินไป อาจเกิดอันตรายกับตัวรถได้) จากนั้นให้ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ บีบแตร 3 ที เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย

2.หลังจากนั้นให้จุดธูปและเทียน พร้อมตั้งนะโม 3 จบ นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และกล่าวคาถาบูชาแม่ย่านางเพื่อถวายของไหว้แม่ย่านางรถ

 

คำถวายของไหว้แม่ย่านางรถ
“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ)
สุทินนัง วัตถุทานัง อาสะวะ ขะยาวะหัง โหตุ
ทุติยัมปิ สุทินนัง วัตถุทานัง อาสะวะ ขะยาวะหัง โหตุ
ตะติยัม สุทินนัง วัตถุทานัง อาสะวะ ขะยาวะหัง โหตุ”

เมื่อกล่าวคำถวายแม่ย่านางรถเสร็จ ให้กล่าว (ชื่อ-นามสกุล) ขอถวายสิ่งของเหล่านี้แก่แม่ย่านางรถ ขอท่านจงรับซึ่งสิ่งของเหล่านี้ และขอให้ข้าพเจ้า (คำอธิฐาน) ……………………..

3.เมื่อธูปหมดดอก ให้ลาของไหว้มากิน เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต และให้การเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย

 

3. ลาของไหว้แม่ย่านางรถ

 

คำกล่าวลาของไหว้แม่ย่านางรถ ดังนี้

“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ)
พุทธังลา ธัมมังลา สังฆังลา
ข้าพเจ้า (ชื่อ-สกุล) ขอลาสิ่งของเหล่านี้เพื่อให้เป็นทานต่อไป เป็นสิริมงคล อย่าให้เกิดโทษเลย
นะ เสสัง มังคะลา ยาจามะ”

 

 

อ่านบทความที่น่าสนใจ

อัพเดท : 17 ธันวาคม 2564

นิสัยเสีย!! ตอน “ขับรถ” ที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ

ห้ามเด็ดขาด!!

อย่าสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น…
การขับรถบนท้องถนน นอกจากต้องเคารพกฎหมายแล้ว ยังต้องใส่ใจผู้ขับขี่บนท้องถนนอื่นๆ ด้วย การกระทำเห็นแก่ตัวเล็กๆ น้อยๆ อาจสร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้ผู้อื่นได้ตั้งแต่น้อยไปจนถึงมาก และอาจถึงชีวิตด้วย และตัวอย่างพฤติกรรมที่ไม่ควรทำเพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนี้

ไม่เปิดไฟเลี้ยว  การเปิดไฟเลี้ยวตอน ขับรถ เป็นสิ่งสำคัญในการส่งสัญญาณเพื่อบอกรถคันหลัง ทำให้รถที่ขับตามหลังรู้ว่ารถคันข้างหน้าจะไปในทิศทางไหน จึงชะลอความเร็ว ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ การให้สัญญาณไฟเลี้ยว ควรเปิดก่อนที่จะเลี้ยวอย่างน้อยก่อน 30 เมตร และให้ผู้ขับขี่รถคันอื่น เห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่า 60 เมตร

 

ขับรถปาดหน้า การขับรถปาดหน้าจะทำให้รถคันอื่นเสียหลัก จนอาจเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตได้ หรือเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันบนท้องถนนได้ ที่สำคัญการขับรถปาดหน้ายังมีความผิดฐานขับรถในลักษณะประมาทหวาดเสียวอาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (4) ต้องระวางโทษปรับ ตั้งแต่ 400 – 1,000 บาท

 

ขับรถคร่อมเลน การขับรถคร่อมเลนเป็นการขับขี่ที่ไม่มีวินัย และแสดงถึงความไม่มีนำใจของคนขับ สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น และเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายได้สูง และความผิด ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 (แก้ไขเพิ่มเติมถึง พ.ศ.2538) ในมาตราที่ 43(6) ,157 กล่าวไว้ว่า การขับรถคร่อมหรือทับเส้นแนวแบ่งช่องเดินรถ(เว้นเปลี่ยนช่องเดินรถ,เลี้ยวรถหรือกลับรถ) ถือว่ามีความผิดมีโทษปรับอยู่ที่ 400 – 1,000 บาท

 

นึกจะจอดก็จอด การขับขี่บนท้องถนนเราไม่สามารถทำอะไรตามใจฉันได้ เพราะต้องเห็นอกเห็นใจผู้ใช้ถนนร่วมกันด้วย การนึกจะจอดก็จอด จะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงใหญ่ได้ ฉะนั้นเวลาจะจอดต้องดูความพร้อมและเพื่อนร่วมทางด้วย

 

ขับจี้ท้ายรถคันอื่น การขับรถจี้ท้ายคันอื่น เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเป็นอย่างมาก เพราะหากคันหน้าเกิดชะลอตัวหรือเบรกกะทันหัน อาจเกิดการชนกันได้ การขับรถบนท้องถนนที่ดีต้องรักษาระยะห่างให้เหมาะสม เพราะถ้าขับจี้เกินไปคุณอาจโดนข้อหาในมาตร 40 ตามพรบ.จราจรทางบกได้

 

ขับรถย้อนศร การขับรถย้อนศรเป็นการกระทำที่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ทั้งยังเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตราที่ 43 วรรค 8 ที่ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของคนอื่น ผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามต้องถูกระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 10 ธันวาคม 2564

เติมน้ำมันผิด ทำอย่างไรดี !!

เติมน้ำมันผิดแก้ไขได้

เติมน้ำมันผิดประเภท ส่งผลเสียร้ายแรงขนาดไหน!!
หลายๆ คนคงเกิดปัญหาเติมน้ำมันผิดประเภท บ้างก็รู้ตัวไว บ้างก็รู้ตัวช้า หากเมื่อรู้ตัวแล้วก็ควรรีบทำการแก้ไขให้ถูกต้องและทันท่วงที ก่อนที่เครื่องยนต์จะเกิดการเสียหาย วันนี้ช่างเคมีวิธีแก้ไขปัญหาที่มีประโยชน์กับคนใช้รถยนต์มาฝากครับ

เติมน้ำมันผิด ทำอย่างไร!!!
ปัญหาการเติมน้ำมันผิด อาจไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้นเลย บางครั้งอาจเกิดจากความเผลอพลาด หลงลืมและเข้าใจผิดของเราเอง หรือแม้แต่การเติมน้ำมันในปั๊ม ที่เด็กปั๊มเติมให้ผิดประเภทก็มี แม้เรื่องนี้อาจจะไม่ร้ายแรง แต่ก็ส่งผลให้ระบบเครื่องยนต์เสียหายไปจนถึงร้ายแรงได้ครับ

อาการหลังจากเติมน้ำมันรถผิดที่คุณสังเกตได้เอง
หากเติมน้ำมันสลับกันทั้งเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล ลักษณะอาการจะคล้ายกัน คือ เครื่องยนต์ติดได้ระยะหนึ่ง ก่อนจะเกิดการสะดุดและดับไปในที่สุด ซึ่งเมื่อเครื่องยนต์ดับลงจะไม่สามารถสตาร์ทติดได้อีก

 

เมื่อรู้ตัวว่าเติมน้ำมันผิด ควรทำอย่างไร?

1. ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด เพราะการสตาร์ทรถจะทำให้น้ำมันไหลเข้าไปในเครื่องยนต์ จากนั้นให้ทำการถ่ายน้ำมันออก และทำการไล่ระบบใหม่
2. เติมน้ำมันที่ถูกต้องเข้าไปใหม่ เพื่อป้องกันความเสียหาย ที่เกิดขึ้นกับเครื่องยนต์
3. สตาร์ทเครื่องยนต์ หลังจากเติมน้ำมันใหม่ ลให้ลองสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้สักพัก เพื่อสังเกตว่าเครื่องยนต์มีอาการผิดปกติอะไรเกิดขึ้นบ้าง
4. ทดสอบระบบเครื่องยนต์ หลังจากทำการทดสอบระบบแล้ว หากพบว่าไม่เกิดปัญหาอะไรกับเครื่องยนต์ ให้ลองเร่งเครื่อง ทดสอบการใช้ระบบต่างๆ ในเครื่องยนต์ หากระบบปกติ หมายความว่าการถ่ายน้ำมันเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้งานรถยนต์ได้เลย

 

รู้ตัวว่า “เติมผิด” เมื่อรถดับเสียแล้ว จะทำยังไงล่ะทีนี้?

หลายครั้งที่หลายคนกว่าจะรู้ว่า “เติมน้ำมันผิด” ก็ต่อเมื่อโดนทิ้งไว้กลางทาง รถดับ กลับตัวก็ไม่ได้ ให้วิ่งต่อไปก็ไปไม่ถึง….มาดูกันว่าหากเจอสถานการณ์แบบนี้จะมีวิธีแก้อย่างไรบ้าง
1. ถ่ายน้ำมันออกจากถังให้หมด จากนั้นให้ทำการไล่ระบบน้ำมันใหม่
2. เติมน้ำมันที่ถูกต้องใหม่ จากนั้นลองทำการไล่ระบบน้ำมันอีกครั้ง
3. ทำความสะอาดหัวเทียนและไส้กรอง รถยนต์เครื่องเบนซิลให้ทำการถอดหัวเทียนออกมาทำความสะอาดใหม่ ส่วนรถยนต์เครื่องดีเซลให้ถอดเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงมาทำความสะอาดใหม่ครับ
4. สตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง ในขณะที่ลองสตาร์ทรภใหม่แม้ติดยาก หรือติดแล้วดับไป ให้พยายามสตาร์ทต่อไปเรื่อยๆ จนกว่ารถยนต์จะติดเสถียร ไม่ดับ แล้วปล่อยให้รถเดินเครื่องเองสักพัก
5.ทดสอบเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์เดินเรียบดีแล้ว ให้ลองเร่งเครื่อง พร้อมกับเปิดฟังก์ชั่นที่ต้องใช้ขณะขับใช้งานปกติ หากไม่มีสิ่งผิดปกติ แปลว่าการถ่ายน้ำมันเสร็จสิ้น ไม่มีปัญหา สามารถใช้รถยนต์ได้ตามปกติ

ขอเสนอแนะหลังจากที่รู้ว่าปัญหาการเติมน้ำมันผิดเกิดจากเด็กปั๊ม ควรรีบแจ้งทางปั๊มหรือผู้จัดการปั๊ม เพื่อให้รับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเติมผิดเอง ก็รับผิดชอบตัวเองครับ

การจำประเภทน้ำมันที่ใช้เป็นเรื่องที่ดีนะครับ เพราะทุกวันนี้ไม่ได้มีแค่รถกระบะที่ใช้ดีเซลเท่านั้น รถเก๋งรุ่นใหม่ๆ ก็หันมาใช้น้ำมันดีเซลกันเยอะ ฉะนั้นหากไม่อยากให้เรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ การจำไว้ก็ไม่เสียหาย ยังไงก็ยังดีกว่าพึ่งคนอื่นครับ

 

วิธีการป้องกันไม่ให้ “การเติมน้ำมันผิด” เกิดขึ้น

1. แจ้งให้ชัดเจนว่าต้องการเติมน้ำมันประเภทไหน เช็คให้มั่นใจว่าพนักงานปั๊มเติมน้ำมันได้อย่างถูกต้อง
2. ขอใบเสร็จทุกครั้งที่เติม เพื่อจะได้มีหลักฐานและสามารถตรวจเช็ครายละเอียดการเติมได้

แม้ว่าเหตุการณ์เติมน้ำมันผิดประเภทจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่การรู้เทคนิคและวิธีการป้องกันไว้ก็ไม่เสียหายครับ เพราะหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ครับ

 

เติมน้ำมันผิด
เติมน้ำมันผิด

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 18 พฤศจิกายน 2564

ความหมายของ สัญญาณไฟ เมื่อต้องขับตามรถบรรทุก

สัญญาณไฟ

ข้อควรรู้เมื่อต้องขับรถตาม-สวนรถบรรทุก
หลายๆ ครั้งที่ขับรถบนท้องถนนแล้วต้องขับตามรถบรรทุก ซึ่งเป็นยานพาหนะขนาดใหญ่ เวลาจะเร่งแซงจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเหล่าคนขับรถบรรทุกจึงมีสัญญาณไฟ แจ้งเตือน สำหรับคนที่ขับรถตามหลังรถบรรทุก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้เพื่อนร่วมทางบนท้องถนนด้วย

สัญญาณไฟ เมื่อต้องขับรถตามรถบรรทุก…

 

เปิดไฟเลี้ยวซ้าย-ขวา สลับกัน หมายถึง สัญญาณเตือนระวัง

เมื่อรถบรรทุกส่งสัญญาณเปิดไฟเลี้ยวซ้ายที – ขวาที สลับกัน หมายความว่า ระวังรถบรรทุกกำลังจะเบรก เพื่อความปลอดภัยควรขับด้วยความเร็วต่ำ และห้ามแซงขึ้นไป

 

เปิดไฟเลี้ยวขวา เมื่อมีรถจะแซง หมายถึง ไม่ปลอดภัย ห้ามแซง
หากคุณพยามยามจะขับแซงรถบรรทุกที่อยู่ด้านหน้า แต่รถบรรทุกเปิดไฟเลี้ยวขวา ในขณะที่ด้านหน้าไม่มีซอยหรือทางเลี้ยว หมายความว่า ขับแซงไม่ได้ เพราะมีรถสวนมานั่นเอง

 

เปิดไฟเลี้ยวซ้าย เมื่อมีรถจะแซง หมายถึง เชิญแซงได้
ในขณะเดียวกันที่คุณกำลังจะแซงถ้ารถบรรทุกเปิดไฟเลี้ยวซ้ายโดยที่ด้านหน้าไม่มีซอยหรือทางเลี้ยว หมายความว่าแซงได้เลย ข้างหน้าปลอดภัยไม่มีรถสวน

 

เปิดไฟสูงใส่ เมื่อรถเลนตรงข้ามกำลังจะแซง หมายถึง เปิดไฟให้ทาง สามารถแซงได้
เมื่อคุณกำลังเร่งเครื่องแซง แล้วรถบรรทุกเปิดไฟสูงให้ หมายความว่า แซงได้ การเปิดไฟสูงใส่เพื่อส่องทางให้คุณ เพื่อให้คุณมองทางได้ชัดเจนขึ้น

 

 

สัญญาณไฟ เมื่อต้องขับรถสวนกับรถบรรทุก…

 

กระพริบไฟสูง 1 ครั้ง หมายถึงกำลังเช็กเพื่อนร่วมทาง
เวลาขับรถสวนกับรถบรรทุกแล้วเจอกระพริบใส่ 1 ครั้ง หมายความว่า กำลังเช็กเพื่อนร่วมทางว่าง่วงไหม ทางที่เราผ่านมามีด่านหรือหรือ หากไม่มีอะไรผิดปกติให้กระพริบส่งสัญณาณกลับ 1 ครั้ง

 

เปิดไฟฉุกเฉินตรงทางแยก หมายถึง รถบรรทุกต้องการขับตรงไป
ในสถานการณ์ที่เจอรถบรรทุกบริเวณสี่แยก แล้วรถบรรทุกเปิดไฟฉุกเฉิน หมายความว่า รถบรรทุกจะขับตรงไป ไม่เลี้ยว คันหลังสามารถขับตรงตามได้เลย

 

ดับไฟหน้าแล้วเปิด หมายถึง ให้ระมัดระวัง ข้างหน้ามีอุบัติเหตุ
ในกรณีที่ขับรถสวนรถบรรทุกแล้วเจอสัญญาณดับไฟหน้าแล้วเปิด หมายความว่า ข้างหน้ามีอุบัติเหตุหรือมีด่านนั่นเอง

 

แฉลบหัวรถบรรทุกอกกมาทางด้านขวา แล้วกระพริบไฟสูง 1 ครั้ง หมายถึง ขอทาง หรือต้องเร่งเครื่องเพื่อขับแซง

ในกรณีที่รถบรรทุกกำลังขอทางเพื่อเร่งเครื่องแซง จะส่งสัญญาณโดยรถบรรทุกจะวิ่งกันมาเป็นแถว หนึ่งคันในแถวจะมีการแฉลบหัวรถออกมา พร้อมกะพริบไฟสูง 1 ครั้ง

 

กระพริบไฟเลี้ยวมาทางฝั่งรถคุณ หมายถึง พบด่านข้างหน้า ให้ระวังหรือเตรียมพร้อม
เมื่อรถบรรทุกที่กำลังขับสวนคุณ ส่งสัญญาณกระพริบไฟเลี้ยวมาทางฝั่งรถคุณ เป็นการแจ้งเตือนว่าพบด่านข้างหน้า ให้ระวังหรือเตรียมพร้อม

 

 

สายพานสายพาน

 

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

 

อัพเดท : 12 พฤศจิกายน 2564

เทคนิครถอายุยืน !!

ดูแลรถ

วีธีใช้รถให้อายุยืนอยู่คู่กับเราไปนานๆ
การใช้รถเป็นระยะเวลานานอาจจะทำให้รถสึกหรอไปตามกาลเวลา แต่ถ้าดูแลรักษาเป็นอย่างดี รถที่คุณรักก็สามารถมีอายุยืน อยู่กับคุณไปได้นานๆ มาดูกันว่ามีเทคนิคดูแลรถอย่างไร เพื่อให้รถอายุยืนอยู่คู่กับเราไปนานๆ บ้าง

8 วิธีที่ควรปฎิบัติ เทคนิครถอายุยืน !!


– ไม่เร่งเครื่องเวลาสตาร์ทรถ โดยเฉพาะช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น ทางที่ดีหากต้องการเร่งเครื่องควรทำการเร่งเครื่องหลังจากสตาร์ทเครื่องผ่านไป10 – 20 นาที

– ไม่ขับรถเร็วเกินไป การขับรถความเร็วสูงมากไปส่งผลให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็ว โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนจัดหรือเย็นจัด

– ไม่หยุดรถกระทันหัน เพราะจะส่งผลให้ล้อสึกเร็ว

– ไม่หมุนพวงมาลัยจนสุด การหมุนพวงมาลัยจนสุดจะทำให้น้ำมันพาวเวอร์ไหลย้อนกลับมาสูงมาก ซึ่งอาจทำให้น้ำมันพาวเวอร์เกิดการรั่วซึมออกจากตัวปั๊มและสายยาง อีกทั้งข้อต่อซีลยาง หรืออะไหล่บางส่วนของรถอาจเกิดการเสียหายได้

– ไม่จอดรถทิ้งไว้นานๆ การจอดรถทิ้งไว้นานๆโดยไม่มีการใช้งาน จะส่งผลทำให้เครื่องยนต์ชำรุด สึกกร่อน หากไม่ได้ใช้งาน ทางทีดีควรทำการสตาร์ทเพื่อวอร์มเครื่องยนต์บ้าง

– ไม่บรรทุกของหนักเกินไป การบรรทุกของหนักเกินไป จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก โดยทั่วไปแล้วไม่ควรควรบรรทุกของเกิน 90 กิโลกรัม

– ไม่ลืมเติมน้ำในหม้อน้ำรถยนต์ หมั่นตรวจสอบเครื่องยนต์และเช็คหม้อน้ำรถเป็นประจำ และทำการเติมน้ำในหม้อน้ำรถ โดยควรผสมน้ำยาหล่อเย็นและน้ำเปล่าในสัดส่วนที่เท่ากันในการเติม และข้อสำคัญน้ำเปล่าที่ใช้นั้นควรเป็นน้ำที่สะอาด เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเข้าไปสะสม

– ไม่ละเลยการตรวจสภาพรถ หมั่นตรวจสอบสภาพรถบ่อยๆ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมเดินทาง และป้องกันการเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างเดินทาง

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ