อัพเดท : 10 กันยายน 2568

เสริมสิริมงคล ออกรถใหม่ ต้องทำอะไรบ้าง….

ความเชื่อ

เสริมสิริมงคล วันมงคลออกรถใหม่…
การจะออกรถใหม่สักคัน ก็ต้องหาฤกษ์งาม ยามดี เพื่อความเป็นสิริมงคล ให้การเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย ตามความเชื่อของคนไทย ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบมาก วันนี้ เรามีวิธีการหาฤกษ์มงคล ในรูปแบบต่างๆ มาฝากสำหรับคนที่กำลังออกรถใหม่ครับ …

1. หาฤกษ์มงคลจากวัดที่นับถือ อาจารย์ในวัดหลายๆ ท่านอาจมีความรู้ในเรื่องนี้และให้คำแนะนำในการหาฤกษ์ดีๆ ได้ อย่างไรก็แล้วแต่การที่ได้คำแนะนำจากผู้ที่เรานับถือ ก็ถือเป็นสิริมงคลแล้ว

 

2. เลี่ยงการออกรถในวันโลกาวินาศ เพราะหากทำการใดในวันนี้ย่อมไม่ดี เพราะเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่มีแต่พลังงานลบ อาจทำให้ประสบปัญหา เสียทรัพย์ และเกิดอันตรายในการขับขี่ได้

 

3. ออกรถตาม “ฤกษ์พานาที” เป็นความเชื่อมาตั้งแต่โบราณ ไว้เรียกวันมงคล ใช้ได้ทั้งการแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ และออกรถใหม่ เป็นต้น ฤกษ์พานาทีแบบคนไทยมีหลายอย่าง เช่น การเช็กฤกษ์ออกรถจากผู้เชี่ยวชาญ โดยจะมีการระบุบที่ชัดเจน ทั้งเวลา วันที่ วัน ช่วงกี่โมง กี่นาที ซึ่งจะต้องทำตามวันเวลานั้น ๆ

 

4. ดูฤกษ์จากปฏิทินหลวง ก็คือปฏิทินที่ทางธนาคาร หรือบริษัทต่างๆ ทำมาแจกให้เป็นของขวัญใช่วงปีใหม่นั่นแหละ ซึ่งในปฏิทินมักจะบอกฤกษ์งาม ยามดี และวันมงคล ว่ามีวันไหนบ้าง

 

5. หลีกเลี่ยงการออกรถใหม่ในวันพระ เพราะตามคำโบราณจะถือว่าวันพระเป็นวันแข็ง ไม่ควรทำการใดๆ เนื่องจากจะทำให้โชคไม่ดี ร่างกายเสื่อมถอย เงินทองรั่วไหลได้ และอาจเกิดอุบัติเหตุในวันพรระได้

 

6. ใส่สีเสื้อมงคล ไปรับรถก็จะยิ่งเพิ่มความมงคล ไปรับรถ 5 คน ก็ใส่ 5 สี เลือกใส่สีที่มงคลกับแต่ละคน ซึ่งแต่ละสีเองก็มีความหมายที่แตกต่างกัน เช่น เสื้อสีเทาน้ำตาล เสริมดวงด้านของโชคลาภ เสื้อสีส้มหรือเหลืองเสริมดวงด้านเงินทอง เสื้อสีฟ้าหรือน้ำเงินเสริมเรื่องชีวิตที่ราบรื่น

 

7. ฤกษ์สะดวกก็เป็นสิริมงคล ว่ากันว่าเอาวันเวลาที่เราสะดวกนี่แหละ เป็นมงคลที่สุด เพราะเมื่อไหร่ที่เราสะดวก ก็จะไม่มีอะไรติดขัด แต่หลายคนที่ใช้ฤกษ์สะดวก ก็จะใช้วิธี เหยียบมะนาวก่อนออกจากโชว์รูม ให้พระเจิมรถให้ด้วย เป็นต้น

 

 

 

อ่านบทความที่น่าสนใจ

อัพเดท : 8 กันยายน 2568

ภาพงานเปิดตัว รถยนต์ YARIS ATIV HEV 2025  “ELEVATE YOURSELF”

รถใหม่

กิจกกรมเปิดตัวรถกิจกรรมรางวัลแน่น….
เปิดตัวรถใหม่ YARIS ATIV HEV (ยาริส เอทีฟ เอชอีวี) ทั้งที เค.มอเตอร์ส จัดเต็มทั้งรถ ทั้งกิจกรรม และของรางวัล มาแจกให้ลูกค้าที่มากันอย่างคับคั่ง พร้อมกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วโชว์รูม กับกิจกรรม DIY เทียนหอ

ไม่มีกิจกรรมไหน จะหอมฟุ้งได้เท่าการเปิดตัวรถใหม่อย่าง YARIS ATIV HEV อีกแล้ว ภายใต้ชื่องาน “ELEVATE YOURSELF” เปิดโฉมรถใหม่ พร้อมกับมีกิจกรรม DIY เทียนหอม ให้ลูกค้าได้ร่วมทำ สามารถสร้างสรรค์เทียนหอมที่มีหนึ่งเดียวในโลก เลือกสีที่ใช่ ที่มีกว่า 20 สี และกลิ่นที่ชอบ ที่มีกว่า 20 กลิ่นเช่นกัน ได้ตามใจชอบ ทำเสร็จ ใส่แพคเกจนำกลับบ้านเป็นของที่ระลึกได้เลย งานนี้ถูกใจลูกค้าทั้งที่มากันเป็นครอบครัว มาคู่ และมาเดี่ยว แถมยังได้ของที่ระลึกอื่นๆ จากเค.มอเตอร์ส กลับไปแบบเต็มไม้เต็มมือ ส่วนใครที่สนใจอะไหล่และบริการ ภายในงานก็ยังมีบูธและช่างเคสุดหล่อประจำ รอให้คำแนะนำตลอดทั้งงาน

งานหน้าเจอกันใหม่ มีกิจกรรมดีๆ ให้ร่วมสนุกอีกแน่นอน ติดตามข่าวสารได้ทางเพจเพซบุ๊กของ Toyota K.motors และเว็บไซต์ได้เลย

 

YARIS ATIV HEV 2025  YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025  YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025
YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025 YARIS ATIV HEV 2025

 

 

อัพเดท : 28 สิงหาคม 2568

จอดรถไว้ที่บ้าน ไม่ดึงเบรกมือ ค้างเกียร์ไว้ ส่งผลเสียหายไหม อย่างไร?

ทำอย่างไร

เพื่อถนอมเกียร์และเป็นการจอดที่ถูกต้อง…
การจอดรถไว้ที่บ้าน ไม่ดึงเบรกมือ แต่เข้าเกียร์ค้างไว้ กรณีจอดบนทางลาดชันจะมีผลเสียทำให้อายุการใช้งานของยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์สั้นลง และในรถเกียร์ธรรมดารถอาจจะไหลลงที่ต่ำได้ สิ่งที่ควรทำในรถเกียร์อัตโนมัติ คือให้ดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ P

คงจะมีหลายคนที่ชอบจอดรถเอาไว้โดยเข้าเกียร์ค้างไว้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อรถได้ โดยมีปัจจัยที่ทำให้เกิดผลเสียดังต่อไปนี้ …

 

รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ

                การเข้าเกียร์ P ไว้โดยไม่ดึงเบรกมือ กรณีจอดบนพื้นที่ลาดเอียง ยิ่งเอียงมากยิ่งมีผลกระทบมากขึ้นเท่านั้น กรณีที่พื้นมีความลาดเอียง รถจะมีการเคลื่อนตัวหรือไหลไปในทิศทางที่ลาดต่ำกว่า และจะถูกชุดกลไกล็อกเกียร์ P ดึงรั้งไว้ เพื่อไม่ให้รถเคลื่อนตัวหรือไหลไปได้ ซึ่งกลไกเกียร์ P จะรับน้ำหนักของรถเอาไว้ทั้งหมด โดยน้ำหนักรถที่ไหลลงจะส่งผ่านจากล้อผ่านเพลาขับสำหรับขับเคลื่อนล้อหน้าหรือเพลากลางในรถขับเคลื่อนล้อหลัง ผ่านเข้าไปในชุดกลไกเกียร์และถูกล็อกด้วยกลไกเกียร์ P ทำให้น้ำหนักของรถส่งผ่านไปที่ยางแท่นเครื่องยางแท่นเกียร์ ส่งผลให้ยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ต้องรับน้ำหนักรถเอาไว้ จนยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์เกิดการเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติได้ สิ่งที่ควรทำเมื่อต้องจอดทางลาดเอียง ช่างเคแนะนำให้ดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ P เอาไว้จะปลอดภัยมากกว่าครับ
กรณีที่จอดบนพื้นราบ ผลกระทบจะน้อยกว่าการจอดบนทางลาดเอียง เนื่องจากน้ำหนักของรถไม่ได้ไปดึงให้รถไหลลง เกียร์ P จึงไม่ได้รับภาระน้ำหนักของรถ แต่ถ้ามีรถมาชน กรณีที่ไม่ได้ดึงเบรกมือไว้ จะได้รับแรงจากการชนเต็มๆ โดยไม่มีเบรกมือมาช่วยเบรกรถเอาไว้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายได้ง่ายกว่าการจอดเกียร์ P และดึงเบรกมือเอาไว้ สิ่งที่ควรทำคือ กรณีจอดในที่เสี่ยงถูกชน ให้เข้าเกียร์ N และดึงเบรกมือไว้จะปลอดภัยกว่า

 

รถยนต์เกียร์ธรรมดา

               เช่น เข้าเกียร์ 1 หรือเข้าเกียร์ R (ถอย) เอาไว้ โดยไม่ดึงเบรกมือ กรณีจอดบนพื้นที่ลาดเอียงยิ่งเอียงมากยิ่งมีผลกระทบมาก เนื่องจากจะมีการเคลื่อนตัวหรือไหลไปในทิศทางที่ลาดต่ำกว่า จะถูกชุดกลไกเกียร์เพลาข้อเหวี่ยงและแรงต้านจากการเคลื่อนที่แรงดันในห้องเผาไหม้กับลูกสูบ ดึงรั้งเอาไว้ เพื่อไม่ให้รถเคลื่อนตัวหรือไหลไปได้ ซึ่งกลไกเกียร์และแรงต้านการเคลื่อนตัวของลูกสูบจะต้านน้ำหนักของรถเอาไว้ทั้งหมด โดยน้ำหนักรถที่ไหลลงจะส่งผ่านจากล้อ เพลาขับ สำหรับขับเคลื่อนล้อหน้าหรือเพลากลางในรถขับเคลื่อนล้อหลังผ่านเข้าไปในชุดกลไกเกียร์ แต่ก็จะถูกแรงต้านจากกลไกเฟืองเกียร์ ทำให้น้ำหนักของรถส่งผ่านไปที่ยางแท่นเครื่องยางแท่นเกียร์ ส่งผลให้ยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ต้องรับน้ำหนักรถเอาไว้ ผลเสียคือ ทำให้ยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น และในกรณีที่ทางมีความชันมากๆ หรือรถที่มีน้ำหนักมากๆ จะทำให้แรงในการไหลลงทางลาชันมีมากจนขับเฟืองเกียร์ให้เพลาข้อเหวี่ยงหมุนเอาชนะแรงต้านของแรงดันในห้องเผาไหม้กับลูกสูบได้ ทำให้รถค่อยๆ ไหลลงสู่ที่ต่ำได้เอง สิ่งที่ควรทำกรณีจอดรถในที่ลาดชัน คือ ให้ดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ 1 หรือ เกียร์ R เอาไว้จะปลอดภัยมากกว่า
กรณีจอดบนพื้นราบเรียบผลกระทบจะน้อยกว่า เนื่องจากน้ำหนักของรถไม่ได้ไปดึงให้รถไหลลงเหมือนจอดบนพื้นที่ลาดเอียงการเข้าเกียร์โดยไม่ดึงเบรกมือจึงไม่ได้รับภาระน้ำหนักของรถ แต่ถ้ามีรถมาชนกรณีที่ไม่ได้ดึงเบรกมือเอาไว้ เกียร์จะรับแรงจากการชนเต็มๆ โดยไม่มีเบรกมือมาช่วยเบรกรถเอาไว้ ผลเสียคือ เกิดความเสียหายกับเฟืองเกียร์ได้ง่ายกว่าการดึงเบรกมือและจอดเข้าเกียร์เอาไว้ สิ่งที่ควรทำกรณีจอดในที่เสี่ยง ถูกชน คือ ควรดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ว่าง เอาไว้จะปลอดภัยมากกว่า

 

               การจอดรถไว้ที่บ้าน ไม่ดึงเบรกมือ แต่เข้าเกียร์ค้างไว้ กรณีจอดบนทางลาดชันจะมีผลเสียทำให้อายุการใช้งานของยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์สั้นลง และในรถเกียร์ธรรมดารถอาจจะไหลลงที่ต่ำได้ สิ่งที่ควรทำในรถเกียร์อัตโนมัติ คือให้ดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ P ในรถเกียร์ธรรมดาให้ดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ 1 หรือเกียร์ R (ถอย) กรณีจอดพื้นที่ราบที่มีความเสี่ยงในการถูกชนมีผลเสียทำให้กลไกเกียร์ P ในเกียร์อัตโนมัติ ชุดเฟืองเกียร์ 1 หรือเกียร์ R (ถอย) เกิดความเสียหาย สิ่งที่ควรทำให้เข้าเกียร์ N เกียร์ว่าง และดึงเบรกมือเอาไว้จะลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้มากกว่าครับ

 

 

สายพานสายพาน

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 22 สิงหาคม 2568

โตโยต้า เค.มอเตอร์ส เปิดบ้านต้อนรับทีมงานจากโตโยต้า เอเชีย และโตโยต้า อินโดนีเซีย

ศึกษา

เยี่ยมชมการปฏิบัติงานเคลมเพื่อศึกษา…
โตโยต้า เค.มอเตอร์ส เปิดศูนย์บริการต้อนรับทีมงานจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด (TMA) และ โตโยต้า มอเตอร์ อินโดนีเซีย (TMMIN) เพื่อศึกษาดูงาน เยี่ยมชมการปฏิบัติงานของผู้แทนจำหน่ายฯ เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา

โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นตัวแทนศูนย์บริการของประเทศไทย เป็นต้นแบบในการศึกษาดูงานด้านการปฏิบัติงานเคลม โดยทางทีมงานจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด (TMA) และ โตโยต้า มอเตอร์ อินโดนีเซีย (TMMIN) ได้เข้าเยี่ยมชมการปฏิบัติงานเคลม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการดำเนินงาน ตลอดจนข้อติดขัดในการทำงาน และเน้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอะไหล่ตั้งแต่กระบวนการจัดซื้อไปจนถึงกระบวนการเคลมและบริหารจัดการตามที่ TMT กำหนด โดยมีคุณ ประจักษ์ สอพิมาย ที่ปรึกษาฝ่ายบริการ คุณสุรเดช ยุทธนาภูมิ ผู้จัดการฝ่ายบริการ และคุณพิมพ์พร แป้นนอก ผู้จัดการฝ่ายอะไหล่ เปิดศูนย์บริการโตโยต้า เค.มอเตอร์ส สาขารามอินทรา ต้อนรับ บรรยากาศเต็มไปด้วยความน่าสนใจ ใคร่รู้ โดยมีการแลกเปลี่ยนความรู้และการปฏิบัติงานต่างๆ ให้ได้ประสิทธิภาพ และดำเนินงานได้อย่างราบรื่นมากที่สุด เพื่อมอบการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

 

เค.มอเตอร์ส เค.มอเตอร์ส เค.มอเตอร์ส
เค.มอเตอร์ส เค.มอเตอร์ส เค.มอเตอร์ส
เค.มอเตอร์ส เค.มอเตอร์ส เค.มอเตอร์ส
เค.มอเตอร์ส เค.มอเตอร์ส เค.มอเตอร์ส
เค.มอเตอร์ส เค.มอเตอร์ส เค.มอเตอร์ส
เค.มอเตอร์ส เค.มอเตอร์ส เค.มอเตอร์ส

 

 

อัพเดท : 19 สิงหาคม 2568

เกียร์ S และเกียร์ M ต่างกันอย่างไร?

ใช้งานยังไง

ใช้ในสถานการณ์ไหนดีที่สุด…
เกียร์ S = Sport เป็นกียร์แบบ Sport ที่มีเอาไว้สำหรับเร่งแซง หรือใช้ในช่วงเวลาที่รีบเร่ง ส่วนเกียร์ S ที่มีสัญลักษณ์ (+) และ ( – ) จะเป็นเกียร์อัตโนมัติที่สามารเปลี่ยนเกียร์เองโดยผู้ขับขี่เหมือนกับรถเกียร์ธรรมดา ส่วนเกียร์ M = Manuel คือ ระบบเกียร์อัตโนมัติที่สามารเปลี่ยนเกียร์เองโดยผู้ขับขี่เหมือนกับรถเกียร์ธรรมดา

มาทำความเข้าใจกันว่า เกียร์ S และ เกียร์ M ต่างกัน หรือไม่ต่างกัน ยังไงบ้าง ? 

 

เกียร์ S ( Sport ) มีอยู่ 2 แบบ ในการควบคุมการทำงาน

 

1. แบบที่เป็นเกียร์ S ไม่มีสัญลักษณ์ +/- แบบนี้จะใช้กล่อง ECU ในการควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งยังคงเปลี่ยนเกียร์ขึ้นหรือลงตามสภาวะการขับขี่ของคนขับแบบอัตโนมัติ แต่ช่วงระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์แต่ละเกียร์จะช้าลง รอบเครื่องยนต์ในการเปลี่ยนเกียร์จะสูงกว่าตำแหน่งเกียร์ D ทำให้รถมีอัตราเร่งที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับตำแหน่งเกียร์ D ใช้สำหรับเร่งแซงหรือขับขี่แบบ Sport ในกรณีที่เร่งรีบ แต่จะสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าตำแหน่งเกียร์ D

 

2. แบบที่เป็นเกียร์ S มีสัญลักษณ์ +/- จะทำงานเหมือนกับขับรถเกียร์ธรรมดาที่ต้องทำการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น/ลง เองโดยผู้ขับขี่ว่าจะต้องเพิ่มเกียร์หรือลดเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็วรถและสภาพถนน โดยสัญลักษณ์ +/- นี้จะมีทั้งแบบที่อยู่บริเวณแผงคันเกียร์ ด้านหน้ารถจะเป็นสัญลักษณ์ + ด้านหลังจะเป็น สัญลักษณ์ – เมื่อผลักคันเกียร์ไปด้านหน้ารถ (+) จะเป็นการเพิ่มเกียร์ทีขึ้นทีละเกียร์ 1-2-3-4-5-6 ตามจำนวนอตราทดเกียร์รุ่นนั้นที่มี และถ้าผลักคันเกียร์ไปด้านหลังรถ (-) จะเป็นการลดเกียร์ลงทีละเกียร์ 6-5-4-3-2-1 ตามจำนวนอัตราทดเกียร์รุ่นนั้น ในรถบางรุ่นจะมี Paddle Shift หรือสวิตช์เปลี่ยนเกียร์เอาไว้ที่พวงมาลัยด้วย หรือมีอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีทั้งที่แผงคันเกียร์และที่พวงมาลัย สวิตช์ด้านขวาของพวงมาลัยจะเป็น (+) เพิ่มเกียร์ ด้านซ้ายของพวงมาลัยจะเป็น (-) ลดเกียร์ ซึ่งทั้ง 2 แบบจะมีตำแหน่งเกียร์แสดงที่หน้าปัด จะเป็น S6-S5-S4-S3-S2-S1 ตามตำแหน่งเกียร์ที่ขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่ทราบเพื่อเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็วรถและสภาวะในการขับขี่ โดยเมื่อผลักคันเกียร์จากเกียร์ D มาที่เกียร์ S + / – ระบบควบคุมเกียร์อัตโนมัติจะควบคุมให้อัตราทดเกียร์อยู่ในตำแหน่งเกียร์ 4 ไม่ว่ากรณีจอดอยู่กับที่หรือในขณะที่ขับอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดอาการหัวทิ่ม

ดังนั้นควรใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเปลี่ยนจากเกียร์ D มาที่เกียร์ S + / – ซึ่งมีไว้ใช้สำหรับขับเร่งแซง หรือใช้ในเวลาเร่งรีบ หรือเมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์เองโดยผู้ขับขี่ที่ต้องการความรู้สึกเหมือนกับขับรถเกียร์ธรรมดา และที่สำคัญเอาไว้ใช้สำหรับขับขึ้น/ลงทางชัน การกินน้ำมันจะมีมากกว่าเกียร์ D ยิ่งเปลี่ยนเกียร์ไม่สัมพันธ์กับความเร็วก็จะยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น

 

เกียร์ M (Manuel)

 

เกียร์ M จะมีสัญลักษณ์ +/- ควบคู่เสมอ ทั้งแบบที่อยู่ที่บริเวณแผงคันเข้าเกียร์ หรือมี Paddle Shift หรือสวิตช์เปลี่ยนเกียร์เอาไว้ที่พวงมาลัยอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง 2 ตำแหน่ง การทำงานจะเหมือนกันกับเกียร์ S มีที่สัญลักษณ์ +/- ทุกประการ คือใช้สำหรับขับเร่งแซง หรือใช้ในเวลาเร่งรีบหรือเมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์เองโดยผู้ขับขี่ที่ต้องการความรู้สึกเหมือนกับขับรถเกียร์ธรรมดา และที่สำคัญเอาไว้ใช้สำหรับขับขึ้น/ลงทางชัน การกินน้ำมันจะมีมากกว่าเกียร์ D ยิ่งเปลี่ยนเกียร์ไม่สัมพันธ์กับความเร็วก็จะยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น

 

ดังนั้นเกียร์ S+/- และเกียร์ M จะไม่มีความแตกต่างกันในการใช้งานคือสามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้น/ลง โดยผู้ขับขี่เป็นผู้ควบคุม ส่วนเกียร์ S ที่ไม่มีสัญลักษณ์ +/- จะไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้น/ลงโดยคนขับขี่ได้ ECU ควบคุมระบบเกียร์อัตโนมัติจะยังทำหน้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น/ลงอยู่ เพียงแค่เปลี่ยนเกียร์ช้าลงหรือเปลี่ยนที่รอบสูงขึ้นเท่านั้นครับ

 

สายพานสายพาน

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ