อัพเดท : 5 ตุลาคม 2564

เค.มอเตอร์ส มอบเงิน 2 ล้านบาท คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สมทบทุน

สนับสนุนวิสาหกิจเพื่อปรโยชน์ทางด้านการแพทย์
บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ร่วมเป็นหนึ่งในการสนับสนุนและสมทบทุน เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาด้านการแพทย์ มอบเงินจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อประโยชน์คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เค.มอเตอร์ส

 

คุณจิรเดช สมภพรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด เป็นตัวแทนคณะผู้บริหาร มอบเงินจำนวน 2,000,000 บาท เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อประโยชน์คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ผศ.นพ.นครินทร์ ศิริทรัพย์ ภาควิชา สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา เป็นผู้รับมอบ ณ สำนักงานคณบดี อาคารอานันทมหิดล ชั้น 6 รพ.จุฬาลงกรณ์

 

อัพเดท : 15 กันยายน 2564

เบรกมือไฟฟ้า ใช้งานอย่างไร ให้ถูกวิธี ?

วิธีใช้งาน

ข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวัง…
เบรกมือไฟฟ้ากลายเป็นอุปกรณ์พื้นฐานของรถยนต์ยุคใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งใช้งานง่ายกว่าเบรกมือแบบเดิมอย่างมาก โดยไม่ต้องกดปลดล็อคก่อน แล้วจับเบรกมือด้ามยาวๆ ดันขึ้นดันลง บางครั้งปุ่มล็อคติดขัดใช้เบรกมือไม่ได้ก็มี…

แต่สำหรับ ” เบรกมือไฟฟ้า ” แล้วการใช้งานแสนง่าย เพียงแค่กดหรือดึงปุ่มสวิทช์เบาๆ เท่านั้น ระบบเบรกมือไฟฟ้าก็ทำงานทันทีครับ ระบบเบรกมือไฟฟ้าเพียงแค่กดปุ่มให้ตัวระบบทำงานตัวรถก็จะถูกหยุดนิ่งด้วยแรงกระทำ จะมีสัญลักษณ์ตัว (P) ที่ตัวปุ่มเมื่อมีการเปิดใช้งานสำหรับเบรกมือไฟฟ้า จะมีอีกระบบที่ใช้ทำงานควบคู่กันคือ ปุ่ม Auto Hold /Brake Hold เมื่อต้องการจอดรถแบบชั่วคราวหรือจอดติดไฟแดงเพียงแค่หยุดรถให้นิ่งสนิท ระบบจะทำการเบรกค้างเอาไว้อัตโนมัติ แต่นี่คือเบื้องต้นพื้นฐานของการทำงานระบบดังกล่าว ระบบการทำงานอาจจะมีการแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการดีไซน์จากทางผู้ผลิตรถยนต์ครับ

 

ข้อดีของเบรกมือไฟฟ้า

  • ระบบเบรกมือไฟฟ้ามีกำลังเบรกสูง เพียงกดปุ่มให้ตัวระบบทำงาน รถก็จะหยุดนิ่งด้วยแรงกระทำสูงสุด หมดกังวัลว่ารถจะเคลื่อนที่
  • ปัญหาลืมปลดเบรกมือจะหมดไป เพราะทันทีที่เข้าเกียร์ D หรือ R พร้อมกับเหยียบคันเร่ง เบรกมือไฟฟ้าจะทำการปลดการทำงานให้อัตโนมัติ
    เบรกมือไฟฟ้ามีระบบช่วยเหยียบเบรก หรือ Auto Hold/ Brake Hold เมื่อขับรถแล้วเบรกจนหยุดนิ่ง ระบบจะทำการเหยียบเบรกค้างไว้ให้

ข้อเสียของเบรกมือไฟฟ้า

  • กรณีคนที่มีรถหลายคันอาจเกิดการสับสนในการใช้งาน เพราะต้องสลับไปมาระหว่างรถเบรกมือปกติ และเบรกไฟฟ้า เพราะคิดว่ามีระบบช่วยเบรก
  • ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสูง เพราะทำงานด้วยนะบบไฟฟ้า จึงมีความซับซ้อนและยุ่งยาก ทำให้ใช้เวลาในการตรวจสอบค่อนข้างนาน

สิ่งที่ต้องระวังเมื่อใช้งาน Auto Hold /Brake Hold

  • ควรระวังในการเหยียบคันเร่ง เพราะรถจะพุ่งไปในทันที และควรหมั่นตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบ Auto Hold /Brake Hold ติดและทำงานอยู่หรือไม่
  • หากเจอสถานการณ์ที่ทำให้ต้องขับรถแบบขับๆ หยุดๆ อาจทำให้รถเกิดการกระชาก ทั้งนี้เพราะถ้าใช้ระบบ Auto Hold /Brake Hold อยู่ รถจะหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่ ผู้ใช้รถจึงต้องต้องเหยียบคันเร่ง เพื่อให้รถเคลื่อนที่ ทำให้ไม่สะดวกในการขับขี่

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 15 กันยายน 2564

ยกใบปัดน้ำฝน ตอนจอดรถกลางแดด ช่วยยืดอายุได้จริงเหรอ?

ยืดหรือพัง!

วิธีช่วยยืดอายุการใช้งานใบปัดน้ำฝน…
การยกหรือไม่ยกจึงไม่ต่างกัน เพราะไม่ว่ายังไงใบปัดน้ำฝนก็ยังได้รับความร้อนจากแสงแดดอยู่ดี แต่การเลือกสถานที่จอดในร่มก็อาจจะลดความเสื่อมสภาพได้ไม่มากก็น้อย

ช่วงนี้อยู่ในฤดูฝนแล้วก็จริง แต่ก็ยังร้อนและแดดแรงมากๆ แทบจะละลาย ซึ่งความจริงแล้วการยก ใบปัดน้ำฝน ขึ้นไม่ได้ช่วยยืดอายุการใช้งานอย่างที่เข้าใจ ใบปัดน้ำฝน มีการเสื่อมสภาพเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว โดยจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อวัสดุหรือการดูแลรักษา ดังนั้นการยกหรือไม่ยกจึงไม่ต่างกัน เพราะไม่ว่ายังไงใบปัดน้ำฝนก็ยังได้รับความร้อนจากแสงแดดอยู่ดีครับ แต่การที่เลือกสถานที่จอดในร่มก็อาจจะลดความเสื่อมสภาพได้ไม่มากก็น้อย ในขณะเดียวกันถ้ายกที่ปัดน้ำฝนค้างไว้เป็นเวลานาน จะทำให้สปริงที่ยึดใบปัดให้แนบชิดสนิทกับกระจก เกิดการยืดตัว สปริงล้า ส่งผลให้แรงกดลงบนกระจกน้อยลง และทำให้ปัดน้ำฝนไม่เกลี้ยง

 

ใบปัดน้ำฝนเมื่อใช้งานใบนานๆ หากมีอาการดังขณะปัดน้ำฝน จะต้องดูว่าเสียงที่ดังเกิดจากตรงไหนบ้าง เช่น ตัวมอเตอร์ลูกหมากคันชัก แขนปัดน้ำฝน หรือ การสั่นขณะปัดน้ำฝนที่กระจก อาการมอเตอร์และลูกหมากรางปัดอาจทำการหล่อลื่นด้วยการทาจาระบี ส่วนถ้าเกิดจากการปัทน้ำฝน ลองทำความสะอาดผิวหน้ากระจก เช่น น้ำยาขัดทำความสะอาดกระจก หรือใช้น้ำยาล้างกระจกใส่ในหม้อฉีดน้ำกระจกอาจช่วยได้ ทางศูนย์บริการมีน้ำยาทำความสะอาดจำหน่ายอยู่ครับ

 

การดูแลรักษาใบปัดน้ำฝน หากมีการฉีกขาด แข็งกรอบ หรือปัดน้ำฝนไม่เกลี้ยง ควรทำการเปลี่ยนทันที ซึ่งการใช้ใบปัดน้ำฝนที่ถูกวิธีคือ ไม่ใช่ในขณะที่กระจกแห้ง เพื่อปัดฝุ่นละอองต่างๆ เพราะจะทำให้คมของยางสึก หากจะใช้งานใบปัดน้ำฝนควรฉีดน้ำใส่กระจกก่อนเสมอ และควรหมั่นทำความสะอาดใบปีดน้ำฝนอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง โดยการใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาด แล้วเช็ดตามความยาวของใบปัดน้ำฝนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หากไม่เช็ดฝุ่นออกก่อนเปิดใช้งานใบปัดน้ำฝนจะทำให้เศษฝุ่นอาจเกิดการกดกับกระจกจนยางฉีกเป็นรอยทำให้การปัดน้ำฝนบนกระจกไม่เกลี้ยงได้

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

 

อัพเดท : 1 กันยายน 2564

เวลารถติดไฟแดง ต้องใช้เกียร์อะไรกันแน่?

เกียร์ไหนดี

เวลารถติดต้องใช้ “เกียร์” ไหนให้ถูกต้อง…
สถานการณ์ “รถติด” พบเจอบ่อยๆ ในเมืองไทย เป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงยาก ไม่ว่าจะลัดเลาะไปเส้นทางไหนก็หนีไม่พ้นการติดแหง็กอยู่บนท้องถนน 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง แล้วแต่สภาพการจราจร อากาศ และจำนวนรถบนท้องถนน

สถานการณ์ “รถติด” พบเจอบ่อยๆ ในเมืองไทย เป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงยาก ไม่ว่าจะลัดเลาะไปเส้นทางไหนก็หนีไม่พ้นการติดแหง็กอยู่บนท้องถนน 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง แล้วแต่สภาพการจราจร อากาศ และจำนวนรถบนท้องถนน

หลายคนยังทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องเจอเหตุการณ์การจอดนิ่งเป็นนานๆ เวลารถติด ควรใช้หรือไม่ใช้เกียร์ไหน จะได้ประหยัดน้ำมัน ไม่เสี่ยงรถพังหรือเกิดไหลไปชนรถคันอื่น เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ ลองนำเทคนิคเหล่านี้ลองไปใช้ในเหตุการณ์จริงดูครับ

 

ก่อนอื่นต้องประเมินสถานการณ์และดูจากสถานการณ์ว่ารถจะติดนานแค่ไหน

– ถ้าติดไฟแดงไม่ถึง 1 นาที หรือการจราจรเคลื่อยที่ช้าๆ สลับกันหยุดเป็นช่วงๆ เข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรกไว้ได้
– ถ้าติดไฟแดงนานกว่า 1 นาที ควรเข้าเกียร์ N แล้ว ดึงเบรกมือขึ้น เพื่อป้องกันรถไหล

 

เมื่อรถติดไฟแดง ไม่ควรใส่เกียร์ P เด็ดขาด!!

*การเข้าเกียร์ P เป็นการล็อคชุดเกียร์ไว้ เมื่อถูกชนท้ายอาจทำให้ระบบเกียร์พัง และมีค่าซ่อมแพง
*การเปลี่ยนเกียร์ P มาเป็น D บางครั้งคนขับอาจไม่ทันระวังแล้วเข้าเกียร์ผิดเป็นเกียร์ R แทน เมื่อเหยียบคันเร่งรถจะวิ่งถอยหลังอาจทำให้ชนกับรถคันท้ายได้

 

เทคนิคการใช้เกียร์ออโต้ที่จะช่วยให้คุณประหยัดและปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้น

– ตำแหน่ง P สำหรับใช้จอดรถบริเวณที่ลาดชันหรือจอดรถโดยไม่กีดขวางรถคันอื่น
– ตำแหน่ง R ใช้เวลารถถอยหลัง เป็นตำแหน่งที่อันตรายมากที่สุด เวลาใช้ให้เหยียบเบรกทุกครั้งที่เข้าเกียร์ เพื่อให้รถค่อยๆ ถอยหลังช้าๆ
– ตำแหน่ง N เป็นตำแหน่งเกียร์ว่าง ใช้สำหรับการหยุดรถชั่วคราวหรือจอดรถในตำแหน่งที่กีดขวางเส้นทางจราจ -ตำแหน่ง D ใช้เวลาขับรถเดินหน้าปกติ
– ตำแหน่ง 2 ใช้เมื่อขับรถขึ้นทางลาดชันที่ไม่สูงมาก สามารถใช้ความเร็วได้พอสมควร
– ตำแหน่ง L ใช้ความเร็วต่ำ สำหรับการขับขี่ขึ้นทางลาดชันที่สูงมาก

 

สายพานสายพาน

 

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 23 สิงหาคม 2564

ขับรถเกียร์ออโต้ ต้องใช้กี่เท้า??

ใช้เท้าไหนดี

วิธีขับกียร์ออโต้ที่ถูกต้องควรใช้กี่เท้า…
สำหรับผู้ที่เปลี่ยนจากการขับรถเกียร์ธรรมดามาขับรถเกียร์ออโต้ อาจมีความสับสนว่าจะต้องใช้กี่เท้าในการขับรถกันแน่ ในการขับรถยนต์เกียร์ธรรมดามักจะคุ้นชินกับการขับ 2 เท้า โดยการใช้เท้าซ้ายในการควบคุมแป้นคลัทช์ และเท้าขวาใช้สลับกันไปมาระหว่างแป้นคันเร่งและเบรก

สำหรับผู้ที่เปลี่ยนจากการ ขับรถเกียร์ธรรมดา มา ขับรถเกียร์ออโต้ อาจมีความสับสนว่าจะต้องใช้กี่เท้าในการขับรถกันแน่ ในการขับรถยนต์เกียร์ธรรมดามักจะคุ้นชินกับการขับ 2 เท้า โดยการใช้เท้าซ้ายในการควบคุมแป้นคลัทช์ และเท้าขวาใช้สลับกันไปมาระหว่างแป้นคันเร่งและเบรก


แต่สำหรับรถยนต์เกียร์ออโต้นั้นจะมีเพียง 2 แป้น คือ แป้นคันเร่ง และแป้นเบรก ไม่แนะนำให้ใช้เท้าขวาเหยียบคันเร่ง และใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรกนะครับ เพราะจะทำให้มีโอกาสที่ผู้ขับขี่จะเหยียบแป้นคันเร่งและแป้นเบรกไปพร้อมๆ กัน จะเห็นได้จากที่รถบางคันมีไฟเบรกสว่างขึ้นค้างไว้ตลอด แม้ว่ารถจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเรื่อยๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อรถที่วิ่งตามมาข้างหลัง เนื่องจากไม่ทราบแน่ชัดว่ารถมีการเบรกเกิดขึ้นหรือไม่ครับ ทางที่ดีเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ควรใช้เท้าขวาเพียงเท้าเดียว ในการควบคุมคันเร่งและเบรกจะได้ไม่มีปัญหาในการควบคุมความเร็วของตัวรถครับ


เหตุผลที่ขับรถเกียร์ออโต้แล้วควรใช้ “เท้าขวา” เท้าเดียว เพราะ …

 

1. คนที่คุ้นเคยกับการขับรถเกียร์ธรรมดา หรือคนที่ถนัดใช้ทั้ง 2 เท้า หากเผลอใช้น้ำหนักเท้าซ้ายกดลงไปที่แป้นเบรกเพียงนิดเดียว ไฟเบรกท้ายอาจสว่างค้าง ทำให้รถคันหลังเข้าใจผิด เมื่อจำเป็นต้องชะลอความเร็วจริงๆ รถคันหลังจึงไม่อาจรู้ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้


2. ในสถานการณ์ฉุกเฉิน คนที่ถนัดใช้ทั้ง 2 เท้า อาจเผลอใช้เท้าเหยียบคันเร่งแทนที่จะเหยียบเบรกแทน ในทางกลับกันเมื่อต้องเหยียบเบรก คุณอาจเหยียบคันเร่งแทนได้ เกิดจากการสับสนและอาจคิดไม่ทันว่าจะต้องทำอะไรก่อนดีนั่นเอง


3. กรณีที่เผลอเหยียบเบรกค้างไว้ขณะขับรถ จะทำให้ผ้าเบรกแตะกับจานเบรกเสียดสีกัน เกิดความร้อนสูง ผ้าเบรกหมดไวกว่าปกติ และรถยังเร่งไม่ขึ้น

 

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ