อัพเดท : 16 เมษายน 2568

ถ้าเกิด แผ่นดินไหว ขึ้นระหว่างขับรถควรปฏิบัติอย่างไร

ทำอย่างไร

ให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว…
แผ่นดินไหวเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่ส่งผลกระทบทำให้เกิดความเสียหายตามมายิ่งอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางที่เกิดแผ่นดินไหวก็ยิ่งเกิดความเสียหายรุนแรงมากตามไปด้วย วันนี้เรามาทำความเข้าใจกันว่าหากเกิดแผ่นดินไหวในขณะที่ขับรถอยู่จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรกันบ้างไปดูแนวทางกันครับ

1.ต้องตั้งสติก่อน แผ่นดินไหว

การมีสติจะช่วยให้ตัดสินใจได้ถูกต้อง ไม่ตื่นตระหนกตกใจ และทำให้ตัดสินใจผิดพลาดตามมา ดังนั้นเมื่อพบเหตุการณ์แผ่นดินไหวจะต้องมีสติอยู่เสมอ

 

2.อย่าลดความเร็วรถลงทันที

เป็นไปได้ว่ารถรอบตัวหรือเพื่อนร่วมทางจะไม่ทราบเรื่องว่ากำลังเกิดแผ่นดินไหว ดังนั้นจึงอย่ารีบร้อนลดความเร็วลงทันที หรือเบรกกะทันหัน เพราะจะทำให้โดนชนท้ายเอาได้ ให้ตรวจสอบสถานการณ์รอบตัวให้ดี เปิดไฟฉุกเฉินกะพริบ และค่อยๆ ชะลอความเร็วรถลงช้าๆ หลังจากนั้นค่อยๆ หักพวงมาลัย ใช้วิธีที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่ทำได้ ในการนำรถไปจอดที่เลนส์ซ้ายของถนน

 

3.หยุดรถในที่ปลอดภัย

ห้ามหยุดรถใต้สะพาน ใต้ทางด่วน ใต้สายไฟฟ้าแรงสูง หรือตึกสูง ให้จอดในที่ที่ดูแล้วปลอดภัย ไม่มีอะไรร่วงหล่นมาในรถเมื่อจอดรถ

 

4.อยู่ในรถจนกว่าจะหยุดสั่น

อย่ารีบร้อนลงจากรถ การรีบร้อนออกมานอกรถก็อาจเกิดอันตรายได้ ระหว่างนั้นให้ทำการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลแผ่นดินไหว ข้อมูลการจราจรผ่านทางวิทยุหรือโชเชียล โทรศัพท์หาและแจ้งตำแหน่งให้คนรู้จักทราบเอาไว้ เป็นต้น

 

5.ลงจากรถเมื่อปลอยภัย

เมื่อแผ่นดินไหวหยุดสั่นแล้วจึงลงจากรถจอดรถทิ้งไว้เช่นนั้น แล้วอพยพไปสถานที่ปลอดภัย กรณีที่จะจอดรถเพื่อหลบภัย ควรเคลื่อนรถไปจอดในสถานที่อื่นที่ไม่ใช่บนท้องถนน

 

 

สายพานสายพาน

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 10 เมษายน 2568

ปรับ “ฮวงจุ้ยรถยนต์” รับหน้าฝน..

เทคนิคดีๆ

เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมให้ชีวิตดีขึ้น…
นอกจากบ้าน ที่ทำงาน เวลาที่คนไทยส่วนใหญ่ใช้ชีวิตมากที่สุดก็คือ รถยนต์ ดังนั้นการจัดรถยนต์ให้เป็นระเบียบจึงสำคัญ ทำให้รถน่าอยู่ รวมถึงการจัดฮวงจุ้ยก็ยังช่วยปรับเปลี่ยนและส่งเสริมทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ด้วยเช่นกัน วันนี้เราจึงมาแนะนำการจัดฮวงจุ้ยรถยนต์กันครับ

อันดับแรก สิ่งที่ไม่ควรมีในรถ.. คือ ของหมดอายุ ของเสื่อมสภาพ หรือของที่ไม่ได้ใช้แล้ว ควรเก็บทิ้งให้หมด อย่าเก็บไว้ในรถเป็นอันขาด ฮวงจุ้ยรถยนต์

 

สิ่งที่ควรมีบนรถ คือ เกลือ…เพราะเชื่อว่าจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ไม่ให้พบเจอสิ่งชั่วร้ายได้

 

สิ่งที่ควรมีเพื่อ “ฮวงจุ้ยรถยนต์” มีดังต่อไปนี้

 

1.ดนตรี ในขณะที่ขับรถควรมีเสียงดนตรีคลอไว้ เพราะเชื่อว่าดนตรีคือพลังที่มีเหมือนหยินหยาง จะช่วยขับกล่อมให้คนขับรถมีนิสัยที่ดี

2.ไฟ โดยเฉพาะไฟหน้ารถ ต้องส่องสว่างตลอดเวลา นอกจากเรื่องของความปลอดภัยยังเชื่อว่าไฟที่สว่างสดใสจะทำให้ชีวิตสดใสรุ่งเรื่องตามไปด้วย

3.น้ำดื่ม จะช่วยเติมพลังที่ดี ลดพลังร้าย เพราะเวลาดื่มน้ำจะช่วยให้รู้สึกเย็นลงนั่นเอง (แต่ถ้าจอดรถตากแดดไม่ควรทิ้งขวดน้ำไว้ในรถ)

4.วัตถุมงคลที่เป็นธาตุดิน เช่น พระพุทธรูป จี้หยก ไม่ว่าจะรูปแบบไหน พวงกุญแจ หรือ พระองค์เล็กๆ  เชื่อว่าจะช่วยเตือนสติในการขับขี่ได้มากขึ้น

 

 

 

อ่านบทความที่น่าสนใจ

อัพเดท : 10 เมษายน 2568

ก่อนดับเครื่อง ปิดปุ่ม OFF อย่างเดียวได้ไหม…

แอร์พังไหม

ได้ แต่มีผลเสียมากกว่าผลดี ไม่คุ้มค่า… ปัจจุบันเทคโนโลยี่ในรถยนต์มีการพัฒนาไปไกลมากมีการนำเอากล่อง ECU หรือกล่อมคอมพิวเตอร์มาควบคุมเครื่องยนต์เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันมากขึ้นและยังได้กำลังมากขึ้นไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่ระบบแอร์ที่ได้นำมาใช้เช่นเดียวกัน เพื่อช่วยให้แอร์ทำความเย็นได้เร็วขึ้นไม่กินกำลังเครื่องยนต์เวลาเร่งแซง

ก่อนอื่นเราไปดูเงื่อนไขที่มีการป้องกันที่สำคัญบางส่วนเกี่ยวกับระบบแอร์ว่ามีอะไรบ้าง ? ปิดปุ่ม OFF

 

ถ้ารอบเครื่องยนต์ต่ำกว่า 500 รอบ/นาที ระบบแอร์จะไม่ทำงาน

ถึงแม้จะเปิดแอร์เอาไว้ก็ตาม ระบบแอร์จะไม่ทำงานเพื่อป้องกันคอมเพรสเซอร์แอร์ไปกินกำลังของเครื่องยนต์หรือมอเตอร์สตาร์ตในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์ ซึ่งถ้ารอบเครื่องยนต์ถึง 500 รอบ/นาที ก็แสดงว่าเครื่องยนต์ติดแล้วระบบจึงจะยอมให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงาน

 

ถ้าน้ำยาแอร์น้อยหรือมากเกินไป ระบบแอร์จะไม่ทำงาน

หากคอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานในสภาวะที่น้ำยาแอร์น้อยเกินไป จะทำให้เกิดการสึกหรออย่างมากกับชิ้นส่วน เนื่องจากคอมเพรสเซอร์แอร์จะใช้น้ำมันหล่อลื่นที่ไหลเวียนไปพร้อมกับน้ำยาแอร์ในการหล่อลื่นชิ้นส่วนภายใน กรณีถ้าน้ำยาแอร์มากเกินไปหากยอมให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานก็จะทำให้แรงดันในระบบแอร์มีแรงดันสูงจากน้ำยาแอร์ที่เกินจะเสี่ยงต่อการเสียหายของชิ้นส่วนในระบบแอร์จากแรงดันที่สูงผิดปกติ

 

ในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์ระบบจะตัดไฟเลี้ยงระบบที่ไม่เกี่ยวข้อง

เพื่อให้กระแสไฟไหลไปที่มอเตอร์สตาร์ตได้เพียงพอในการสตาร์ตเครื่องยนต์ให้ติดได้ง่ายขึ้น ระบบควบคุมเครื่องยนต์จะตัดไฟระบบที่ไม่เกี่ยวข้องออก รวมทั้งระบบแอร์ด้วย ซึ่งหากเปิดพัดแอร์เอาไว้พัดลมแอร์จะหยุดทำงานชั่วขณะตอนที่สตาร์ตเครื่องยนต์

 

พฤติกรรมในการใช้แอร์รถยนต์มีแบบไหนและมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างไปดูกันครับ

 

1. ดับเครื่องยนต์เลยทันทีโดยไม่ได้ปิดสวิตช์แอร์

ข้อดี การทำแบบนี้เมื่อกลับมาสตาร์ตเครื่องยนต์อีกครั้งระบบแอร์ก็จะทำงานเองทันที สะดวกสบายไม่ต้องทำอะไรเลย

ข้อเสีย คือ กรณีที่ชอบเปิดสวิตช์กุญแจ ON ก่อนจะสตาร์ตเครื่องยนต์ พัดลมแอร์จะทำงานทันที กระแสไฟจะถูกดึงเอาไปใช้งาน ถ้าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพมีโอกาสที่จะทำให้กระแสไฟไม่พอที่จะสตาร์ตเครื่องยนต์ให้ติดได้

 

2. ปิดสวิตช์ A/C แล้วดับเครื่องยนต์

การปิดสวิตช์ A/C จะเป็นการปิดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ แต่พัดลมแอร์ยังทำงานได้อยู่เมื่อเปิดสวิตช์กุญแจ ON

ข้อดี หากเปิดสวิตช์ A/C ล่วงหน้าก่อนอย่างน้อย 5 นาที หรือมากกว่า ก่อนจะทำการดับเครื่องยนต์ ให้พัดลมแอร์ได้เป่าไล่ความชื้น ที่อยูในตู้แอร์ออกให้หมดหรือเหลือน้อย จะช่วยลดและป้องกันในเรื่องการเกิดกลิ่นเหม็นอับได้ แต่ถ้าปิดสวิตช์ A/C แล้วดับเครื่องยนต์ทันทีก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย

ข้อเสีย กรณีที่ชอบเปิดสวิตช์กุญแจ ON ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ พัดลมแอร์ก็จะทำงานทันทีกระแสไฟก็จะถูกดึงเอาไปใช้งาน ถ้า แบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพก็มีโอกาสที่จะทำให้กระแสไฟไม่พอที่จะสตาร์ตเครื่องยนต์ให้ติดได้

 

3. ปิดสวิตช์ A/C ก่อน 5 นาทีหรือมากกว่า แล้วค่อยปิดสวิตช์แอร์ ปุ่ม OFF แล้วจึงดับเครื่องยนต์

ข้อดี หากเปิดสวิตช์ A/C ล่วงหน้าก่อนอย่างน้อย 5 นาที หรือมากกว่า ก่อนจะทำการดับเครื่องยนต์ ให้พัดลมแอร์ได้เป่าไล่ความชื้น ที่อยูในตู้แอร์ออกให้หมดหรือเหลือน้อย จะช่วยลดและป้องกันในเรื่องการเกิดกลิ่นเหม็นอับและช่วยยืดอายุของตู้แอร์ได้ด้วย /กรณีที่แบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพเวลาเปิดสวิตช์กุญแจ ON กระแสไฟจะไม่ถูกจ่ายไปให้พัดลมแอร์เพิ่มโอกาสให้เครื่องยนต์สตาร์ตติดได้

ข้อเสีย หลังจากสตาร์ตเครื่องยนต์แล้วเมื่อต้องการเปิดแอร์ ต้องเสียเวลาในการเปิดสวิตช์ A/C หรือ สวิตช์ AUTO ระบบแอร์จึงจะทำงานและเริ่มทำความเย็นอีกได้

 

กับคำถามที่ว่าก่อนดับเครื่อง ปิดปุ่ม OFF อย่างเดียวได้ไหม ก็ตอบว่าได้ แต่มีผลเสียมากกว่าผลดี ถ้าจะให้เกิดผลดีอาจจะเสียเวลาบ้าง แต่เพื่อให้ตู้แอร์มีอายุการใช้งานนาน ลดการเกิดกลิ่นเหม็นอับและไม่ดึงกระแสไฟจากแบตเตอรี่เวลาเปิดสวิตช์กุญแจ ON ก็ให้ทำแบบนี้คือ “ปิดสวิตช์ A/C ก่อน 5 นาทีหรือมากกว่าให้พัดลมทำงาน แล้วค่อยปิดสวิตช์แอร์ ปุ่ม OFF แล้วจึงดับเครื่องยนต์ครับ

สายพานสายพาน

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 22 มีนาคม 2568

ใช้ เบรกมือ อย่างไรให้ปลอดภัย…

ใช้ตอนไหน

เบรกมือช่วยป้องกันไม่ให้รถไหล…
เบรกมือมีไว้ใช้สำหรับการป้องกันไม่ให้รถไหลหากจอดอยู่ในพื้นที่ลาดชัน ซึ่งเบรกมือจะล็อกที่ล้อหลังทั้งสองข้าง โดยจะใช้กลไกไปดันให้ผ้าเบรกจับกับจานเบรก ซึ่งมีสายเบรกมือเชื่อมต่อจากกลไกที่ล้อทั้งสองด้านมาที่คันดึงเบรกมือ

รถในปัจจุบันจะเริ่มมีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าไปทำงานแทนกลไกที่เบรกด้านหลัง มอเตอร์จะทำหน้าที่ในการดันให้ผ้าเบรกจับกับจานเบรกแทนแบบเดิม โดยจะมีมอเตอร์ สวิตช์ควบคุมการทำงานของเบรกมือ และกล่องควบคุมเบรกมือ เรียกว่าเบรกมือไฟฟ้า ให้ความสะดวกสบายมากขึ้น เนื่องจากควบคุมการทำงานได้ด้วยการใช้นิ้วดึงหรือกดให้มอเตอร์ทำงานแทน ไม่ต้องออกแรงดึงเหมือนเบรกมือธรรมดา ในการใช้งานของเบรกมือทั้งแบบไฟฟ้าและแบบธรรมดาก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

 

วิธีการใช้เบรกมืออย่างไรให้ปลอดภัยมีอะไรบ้างไปดูกันครับ

วิธีดึงเบรกมือ
ให้ดึงเบรกมือขึ้นโดยไม่ต้องทำการกดปุ่มที่คันดึงเบรกมือ โดยดึงเบรกมือขึ้นให้มีเสียงดังแกร็กๆ ของกลไลล็อกของคันดึงเบรกมือและดึงเบรกมือขึ้นให้สุดจนรู้สึกถึงความตึง สำหรับเบรกมือไฟฟ้าใช้เพียงนิ้วดึงขึ้นให้ไฟสีเขียวที่สวิตช์เบรกมือไฟฟ้าติด แสดงว่าเบรกมือไฟฟ้าทำงานแล้วและจะได้ยินเสียงมอเตอร์ไฟฟ้าทำงาน

วิธีการปลดเบรกมือ
ให้ยกเบรกมือขึ้นเล็กน้อย จากนั้นกดปุ่มที่ปลายดันดึงเบรกมือ และค่อย ๆ ปล่อยเบรกมือลงจนสุด สำหรับเบรกมือไฟฟ้าใช้เพียงนิ้วกดให้ไฟสีเขียวที่สวิตช์เบรกมือไฟฟ้าดับลงแสดงว่าเบรกมือไฟฟ้าถูกปลดแล้ว

 

เบรกมือควรใช้ตอนไหน ?

ใช้ตอนจอดในพื้นที่ลาดชัน

หากไม่ดึงเบรกมือ ตอนจอดบนทางลาดชัน รถอาจไหลลงสู่ที่ต่ำ ส่งผลทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ในรถเกียร์ธรรมดาให้ดึงเบรกมือ และเข้าเกียร์ 1 หรือเกียร์ถอยหลัง จะช่วยป้องกันรถไหลได้อีกแรง สำหรับรถเกียร์ อัตโนมัติ ให้ใช้คู่กับเกียร์ P โดยจะต้องเข้าเกียร์ N และดึงเบรกมือก่อนและปล่อยเบรกเท้า จากนั้นค่อยเลื่อนไปเข้าตำแหน่งเกียร์ P เพื่อเป็นการป้องกันกลไกเกียร์ P ขัดตัวและทำให้น้ำหนักของรถไปตกที่เกียร์ P แทนเบรกมือ ซึ่งจะทำให้อายุของยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์สั้นลงได้

จอดติดไฟแดงเป็นเวลานาน

การจอดติดไฟแดงนานๆ และเหยียบเบรกเอาไว้จะทำให้เกิดความเมื่อยล้า ดังนั้นให้เข้าเกียร์ N แล้วดึงเบรกมือเอาไว้ แต่ในกรณีเป็นรถยนต์ไฮบริด การจอดเกียร์ N จะทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ไฮบริดได้ ดังนั้นถ้ามั่นใจว่าจะไม่มีรถมาชนท้ายให้ดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ P

 

เมื่อเบรกเท้าขัดข้องหรือเบรกแตก

หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น เบรกแตกไม่สามารถใช้เบรกเท้าหยุดหรือชะลอรถได้เลย ให้ตั้งสติและให้นึกถึงเบรกมือว่าสามารถที่จะใช้ชะลอความเร็วรถและหยุดรถได้ โดยให้ค่อย ๆ ดึงเบรกมือขึ้นอย่างช้าๆ จนสุด จะสามารถช่วยชะลอความเร็วรถลงได้และหาที่จอดในที่ปลอดภัยต่อไป

 

เบรกมือไม่ควรใช้งานเมื่อไหร่

กรณีที่จอดรถนานๆ หลายเดือนการดึงเบรกมือไว้จะทำให้ผ้าเบรกอาจเกิดการติดกับจานเบรกได้ โดยเฉพาะการจอดบริเวณที่มีอากาศชื้นๆ ดังนั้นหากต้องจอดรถในพื้นที่ลาดชันเป็นเวลานานๆ ให้เข้าเกียร์ N และหาไม้มาหนุนล้อเอาไว้เพื่อป้องกันรถไหลจะดีกว่า

 

 

สายพานสายพาน

 

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

อัพเดท : 19 มีนาคม 2568

ฝันเห็นรถ บอกอะไรได้บ้าง ลางดีหรือร้าย…

ทำนายฝัน

จากการฝันเห็นรถ หมายความว่าอย่างไร…
แน่นอนว่าคนเรานอนก็แทบจะฝันกันทุกคืนอยู่แล้ว จะฝันดีหรือฝันร้ายก็แตกต่างกันไป ซึ่งหลายๆ คนก็เชื่อว่าความฝันในแต่ละครั้งนั้นล้วนมีความหมาย แล้วถ้าฝันเห็น “รถ” ล่ะ จะเป็นอย่างไร หมายถึงอะไร และฝันเห็นรถแบบไหนที่บอกเป็นลางดีหรือลางร้าย

1.ฝันเห็นตัวเองกำลังขับรถ เป็นฝันที่บอกลางดี ที่เชื่อกันว่าความฝันกำลังบอกว่าคุณอาจมีโอกาสในการโยกย้ายงาน ไม่ว่าจะเปลี่ยนงานหรือมีงานโยกย้ายงาน เป็นต้น กำลังได้รับโชคลาภจากการเดินทาง แต่ก็ควรระวังในเรื่องของการคบเพื่อนมิตรที่อาจหวังผลประโยชน์ และการมีปากเสียงกันกับผู้ใหญ่

 

2.ฝันเห็นรถไฟไหม้ เป็นฝันที่กำลังบอกลางร้าย อาจจะกำลังเจอเรื่องร้อนใจ มีคนนำความเดือดร้อนมาให้ เสี่ยงสูญเสียของรักและระวังทรัพย์สินเสียหาย การมีเรื่องกับคนรอบข้าง เป็นต้น

 

3.ฝันว่ารถน้ำท่วม อาจจะกำลังได้มิตรจากแดนไกล แต่ก็ควรระวังในการเจรจา เพราะอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ ในทางกลับกันก็อาจจะได้รับโชคลาภจากการทำงาน และควรระวังเรื่องสุขภาพที่อาจเกิดการเจ็บป่วยโดยไม่คาดคิด

 

4.ฝันว่าขับรถชนคน มีเกณฑ์ได้ย้ายงานแบบไม่ทันตั้งตัว ระวังเรื่องการสูญเสียเงินทองและของรัก และควรคิดก่อนพูด เพราะคำพูดอาจนำความเดือดร้อนมาให้ได้ ส่วนคนโสดมีโอกาสได้พบเนื้อคู่

 

5.ฝันว่ารถหาย เป็นฝันที่บอกลางดี ซึ่งจะไปโยงเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพที่คุณจะหายจากการเจ็บป่วย ของที่หายไปก็จะได้คืน และอาจได้โชคก้อนใหญ่จากผู้ใหญ่ มีข่าวดีเรื่องงาน แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเสียของรักและมีเกณฑ์สูญเสียเงินทอง และทะเลาะกับครอบครัวและคนรอบข้าง

 

6.ฝันว่าซื้อรถใหม่ ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะเชื่อกันว่าจะจะเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ และมีปัญหาเรื่องของสุขภาพ เจ็บป่วยเล็กน้อย ไม่ถึงกับร้ายแรงมาก มีเกณฑ์ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญหลายๆ อย่าง โดยมีญาติผู้ใหญ่เข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ มีโอกาสได้รับเงินจากการเสี่ยงโชค แต่ต้องระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย

 

 

 

 

 

อ่านบทความที่น่าสนใจ